วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (21 มี.ค.61)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (21 มี.ค.61)

ตึงเครียดในตะวันออกกลางหนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 2 เปอร์เซ็นต์

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดิอาระเบียได้กล่าวว่าข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ทำกับชาติมหาอำนาจในปี 2558 เป็นข้อตกลงที่มีข้อบกพร่อง ในการประชุมระหว่างเจ้าชาย Bin Salman กับโดนัลด์ทรัมป์ ส่งผลให้ตลาดคาดการว่าจะมีการออกมาตราการคว่ำบาตรครั้งใหม่

+ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานปริมาณการผลิตของประเทศเวเนซุเอลาได้ลดกว่าครึ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบสองปีที่ระดับต่ำกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวันและมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง หลังประเทศเวเนซุเอลาเผชิญกับปัญหาด้านเศรษฐกิจและความไม่สงบในประเทศ

- กำลังการผลิตของผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปคมีแนวโน้มที่ปรับสูงขึ้น นำโดยสหรัฐ แคนาดา และบราซิล โดยล่าสุดกำลังการผลิตของสหรัฐปรับสูงขึ้นกว่าร้อยละ 20 จากกลางปี 2559 มาแตะระดับที่ 10.38 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ ภายหลังจากตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) รายงานน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ปรับตัวลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่าน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ จะปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2.6 ล้านบาร์เรล หลังอุปสงค์เริ่มฟื้นตัวมากขึ้น

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเล็กน้อย หลังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกของเอเซียเหนือที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อจากอินโดนีเซียที่นำเข้าในระดับสูงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังอยู่ในระดับสูงและอุปทานที่ปรับลดลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น โดยเฉพาะในอินเดีย ส่งผลให้อินเดียต้องเพิ่มการนำเข้าเพื่อรองรับอุปสงค์ในประเทศ

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 60 - 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 65 - 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย EIA คาดปริมาณการผลิตของสหรัฐ ในปี 2561 จะปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับเฉลี่ยที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะขยายตัวสู่ระดับ 11.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐ แซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก
  • จับตาสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศลิเบีย หลังเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ส่งผลกระทบให้ลิเบียต้องประกาศเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) และหยุดดำเนินการผลิตจากแหล่งน้ำมันดิบ El Feel ซึ่งมีกำลังการผลิตราว 70,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ว่าลิเบียจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในการเปิดดำเนินการแหล่งผลิตน้ำมันดิบดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. 61 ก็ตาม

-----------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

        โทร.02-797-2999