หุ้นเฟซบุ๊คดิ่งหนักหลังถูกบีบแจงเรื่องช่วย"ทรัมป์"ชนะเลือกตั้ง

ราคาหุ้นของเฟซบุ๊คร่วงเกือบ 7% เมื่อวันจันทร์ (19มี.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น หลังเจอแรงกดดันจากสหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู)ให้ชี้แจงกรณีบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของอังกฤษนำข้อมูลบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊คในสหรัฐมากถึง 50 ล้านบัญชี ไปช่วยให้โดนัลด์ ทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อ 2 ปีก่อน

ราคาหุ้นของเฟซบุ๊คปิดตลาดลดลง 6.8% ในตลาดนิวยอร์กเมื่อวันจันทร์ ทำให้บริษัทสูญเสียมูลค่าตลาดมากถึงเกือบ 30,000 ล้านดอลลาร์  ถือเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในวันเดียวในรอบ 3 ปี โดยปัจจัยที่ฉุดราคาหุ้นดิ่งลงมาจากรายงานข่าวที่ระบุว่า บริษัท เคมบริดจ์ อนาไลติกา บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของอังกฤษ ที่ทำงานให้ทีมหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้เฟซบุ๊คราว 50 ล้านบัญชี โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบัญชี ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวปัญหาเชิงระบบในรูปแบบการทำธุรกิจของเฟซบุ๊ค และเฟซบุ๊คอาจถูกตรวจสอบจากหน่วยงานต่างๆ

ขณะนี้ สมาชิกรัฐสภายุโรป เรียกร้องให้ตรวจสอบว่ามีการใช้ข้อมูลของบัญชีผู้ใช้อย่างไม่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเข้าข่ายการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่อาจยอมรับได้ และทางการอังกฤษ เตรียมขอหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าค้นสำนักงานของเคมบริดจ์ อนาไลติกา 

กรณีอื้อฉาวนี้ถูกเปิดโปงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยคริสโตเฟอร์ ไวลี อดีตพนักงานของเคมบริดจ์ อนาไลติกา ที่เปิดเผยว่า บริษัทสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้เฟซบุ๊คในสหรัฐทั้ง 50 ล้านบัญชี ผ่านแบบทดสอบบุคลิกภาพออนไลน์ในแอพพลิเคชั่น “ดิส อิส ยัวร์ ไลฟ์” ที่มีเงื่อนไขให้ผู้ดาวน์โหลดแอพฯยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการวิจัย แต่บริษัทปฏิเสธว่าไม่มีการใช้ข้อมูลจากบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊คเพื่อจัดทำการรณรงค์หาเสียงที่ช่วยให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2559 รวมทั้งลบข้อมูลที่ได้มาในปี 2557 หมดแล้ว

ขณะที่เฟซบุ๊ค ชี้แจงเมื่อวานว่า ไม่มีการโจรกรรมข้อมูลแต่อย่างใด และได้ระงับการใช้งานเฟซบุ๊คโดยเคมบริดจ์ อนาไลติกา และนักวิจัยของมหาวิทยาเคมบริดจ์ ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น "ดิส อิส ยัวร์ ไลฟ์ บนเฟซบุ๊คแล้ว เนื่องจากตรวจพบในปี 2558 ว่า นักวิจัยแชร์ข้อมูลผู้ใช้ให้กับเคมบริดจ์ อนาไลติกา ที่เป็นการละเมิดนโยบายของเฟซบุ๊ค และเรียกร้องให้เคมบริดจ์ อนาไลติกาลบข้อมูลทิ้งแล้ว นอกจากนี้ เฟซบุ๊คยังแจ้งว่าขณะนี้ได้จ้างบริษัทแห่งหนึ่งเพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลถูกลบไปแล้วจริงหรือไม่