MORNING CALL ACTION NOTES (20 มี.ค.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (20 มี.ค.61)

อ่อนตัวตามเพื่อนบ้าน

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานอ่อนตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป  ท่ามกลางปัจจัยบวกลบคละเคล้า และ Fund Flow ผันผวน ตลอดจนการติดตามประชุม FED โดยรวม SET Index ถูกกดดันโดยกลุ่ม ENERG และ PETRO ขณะที่มีแรงเก็งกำไรรายตัวมาชดเชย จึงปิดที่ 1,799.79 จุด (-11.97 จุด) Volume 5.1 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -1,024.84 ลบ.  TFEX Net -3,116 สัญญา ตราสารหนี้ +4,123.99 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+EU ไฟเขียวสหราชอาณาจักรยังไม่ต้องแยกตัวจนถึงสิ้นปี 2563 ขณะกำหนดช่วงเปลี่ยนผ่าน 21 เดือน

+แบงก์ชาติเยอรมนีคาดเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในไตรมาสแรก จากแรงหนุนคำสั่งซื้อ,การบริโภค

-ดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเนื่องจากการดิ่งลงอย่างหนักของหุ้นเฟซบุ๊กจากรายงานที่บริษัทวิเคราะห์การเมืองสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้บริการ
เฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต

-น้ำมันดิบปิดลบเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสหรัฐ ซึ่งรวมถึงรายงานที่ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น

-การเมืองสหรัฐป่วน ปธน.ทรัมป์ปลดที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ และรองผอ.CIA และมีแนวโน้มปลดหน.คณะทำงานประจำทำเนียบขาว และมีข่าวจะปลดที่ปรึกษาพิเศษแต่ยังไม่ยืนยัน

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 5.16 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นสู่ 31.19 บาท/USD

**21 มี.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED)โดย FedWatch รายงานผลการสำรวจของนักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่ FED จะปรับขึ้นดบ.

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยลบจากตลาดหุ้นทั่วโลกกังวลต่อการเมืองสหรัฐ และราคาน้ำมันที่ปรับลง  และ Fund Flow ผันผวน  ขณะที่ปัจจัยบวกด้านแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไตรมาสแรกเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้น คาด SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,790-1,809 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- TOP M BCPG หุ้นที่ได้เข้าคำนวณ FTSE ที่ยัง laggard

- CPF GFPT TFG จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย

- ERW ได้ประโยชน์จากการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรองและนักท่องเที่ยวจีน

- หุ้นปันผลเด่น BAFS CRD FTE GLOW KKP NYT SIS SPRC TISCO QH PDI PL AIT TKS AP KIAT

- BEC เรตติ้งรวมปรับขึ้นยกแผงช่วง prime time ขายโฆษณาขยับเป็น 100%

- หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ 31.19 บาท/$ (ต้นปี 17 อยู่ที่ 34 บาท/$) และราคาทองแดงทรงตัวในระดับสูง 6,950 $/Ton(ต้นปี 17 อยู่ที่ 5,600 $/Ton)

หุ้นแนะนำพิเศษ

GL Analyst Meeting

  • ผลการดำเนินงานปี 60 เติบโตดีในช่วงครึ่งปีแรก Q1 กำไร 328 ลบ. Q2 กำไร 339 ลบ แต่หดตัวหนักในช่วงครึ่งปีหลังจากการตั้งสำรองฯจำนวนมาก 1.9 พันลบ.ในช่วง Q3 ทำให้ขาดทุน 2.6 พันลบ. และใน Q4 ได้หยุดรับรู้รายได้จากธุรกิจในสิงคโปร์และไซปรัสโดยยังมีกำไร 122 ลบ. ส่งผลให้ผลการดำเนินงานทั้งปีขาดทุน 1,819 ลบ. พลิกจากที่มีกำไร 1,064 ลบ.
  • ปัจจุบัน GL ทำธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อยใน 6 ประเทศได้แก่ ไทย เมียนมา ลาว กัมพูชา และอินโดนีเซีย ปลายปี 60 มีพอร์ตสินเชื่อมูลค่า 7.6 พันลบ.ปี 61 ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 10% ผ่านรูปแบบธุรกิจดิจิตอลไฟแนนซ์ โดยมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะเมียนมาที่ตั้งเป้าเติบโต 100%
  • เมื่อเดือนก.พ. ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ GL ทำธุรกรรมต่างๆและธุรกิจให้บริการทางการเงินรวมทั้งชำระหนี้เงินกู้คืนมายังบริษัทได้ตามปกติ ส่วนบริษัทลูกที่สิงคโปร์- GLH ศาลยกคำร้องคุ้มครองชั่วคราวโดยให้เหตุผลว่าบริษัทไม่ได้มีหนี้สินล้นพ้นตัวและมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สินทำให้ GLH ไม่ถูกสั่งห้ามดำเนินการใดๆเกี่ยวกับทรัพย์สิน ซึ่งเจทรัสต์มีเวลายื่นอุทธรณ์ต่อศาลภายใน 30 วัน ตอนนี้เหลือเรื่องที่ยังไม่ได้แก้ไขงบการเงินในอดีตตามคำสั่งก.ล.ต.เนื่องจากต้องรอคำตัดสินจาก DSI และอัยการสูงสุดก่อน
  • ความเห็น การดำเนินธุรกิจในตปท.น่าจะมีความคล่องตัวมากขึ้นหลังศาลยกคำร้องคุ้มครองชั่วคราว และบอร์ดชุดใหม่ที่จะเข้ามาตรวจสอบการทำงานน่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนและสนับสนุนให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น โดยต้องคอยติดตามผลการดำเนินงานและข่าวความคืบหน้าเรื่องแก้ไขงบการเงิน

หุ้นมีข่าว   

·        (+) SQ แจ้งเพิ่มเติมว่าการที่ดินไซด์ลงมาเป็นส่วนรับผิดชอบของ กฟผ. บริษัทไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายในการซ่อมแซมถนน สะพาน และเสาไฟฟ้าที่ล้ม โดยทรัพย์สินของ SQ ที่เสียหายเป็นเพียงโครงเหล็กของสายพานละเลียงราว 900 เมตร (จากทั้งหมด 13 ก.ม.) ซึ่งประเมินความเสียหายเบื้องต้นราว 10 ล้านบาท

·        ความเห็น จากที่เราประเมินไปเมื่อวานนี้มีมุมมองที่แย่เกินไป โดยหลังจากได้ข้อมูลจากบริษัทแล้ว เราคาดว่าผลกระทบจากดินไซด์อยู่ในขอบเขตจำกัดและไม่น่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในอนาคต การที่ราคาปรับตัวลงได้สะท้อนข่าวลบต่างๆ ไปครบแล้ว ทั้งนี้ราคาหุ้นยังขาดปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามาหนุนทำให้ เรามองว่าราคาหุ้นจะ "sideway" ไปอีกพัก

·         (-) BCP (ราคาปิด 39 Bloomberg Consensus 45) จะหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันตามแผน 45 วัน ช่วง 30 เม.ย.-13 มิ.ย.

·        (+) BIZ (ราคาปิด 3.46 ลงทุนระยะยาว ราคาเหมาะสม 4.80) โชว์แบ็กล็อกหนา 1.46 พันล้านบาท แย้มอยู่ระหว่างศึกษาขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หนุนรายได้โตแกร่ง ปักธงรายได้ปี 2561 โต 10% ติดเครื่องประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง ซุ่มเจรจาลูกค้า 2 ราย มูลค่า 200-300 ล้านบาท คาดชัดเจนในไตรมาส 2 นี้ (ที่มา ทันหุ้น)

·        (+) CRD (ราคาปิด 1.29 ซื้อ ราคาเหมาะสม 1.48) คว้างานก่อสร้าง ครัวการบินกรุงเทพเชียงใหม่ มูลค่า 193.67 ล้านบาท เดินหน้ารับงานเอกชนต่อ อัพสัดส่วนรายได้ตามเป้า 60% จากเดิม 15% เสริมแบ็กล็อกในมือตอนนี้กว่า 978 ล้านบาท ส่วนงานภาครัฐทั้งปีคาดอยู่ที่ 40% เล็งขยายปีกกลุ่มประเทศ AEC (ทันหุ้น)

·        ความเห็น เป็นข่าวเชิงบวกในการได้รับงานต่อเนื่อง งานเอกชนจะสนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ให้ปรับดีขึ้นจากปีก่อนซึ่งเป็นไปตามคาดหมายของผู้บริหาร ฝ่ายวิจัยประมาณการรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างปี 61 อยู่ที่ราว 1.48 พันล้านบาทเติบโต 10%  ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น 9% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ  8.3% ในปี 60 ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิใหม่ปี 61 อยู่ที่ราว 57 ล้านบาทซึ่งเติบโต 30%