“วิษณุ” ฟุ้งรัฐบาลไทยเข้มปราบโกง 3 ปี เปิดปรากฎการณ์ใหม่ต้านทุจริต คาด 6 เดือนเห็นผลนโยบายรัฐบาลดิจิทัล เลิกเรียกเอกสารปิดช่องขรก.ทุจริต
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมนานาชาติด้านการต่อต้านการทุจริตเพื่อยกระดับธรรมาภิบาลและค่าดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นของหน่วยงานภาครัฐในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ว่า รัฐบาลแสดงเจตนาชัดเจนในการต่อต้านปราบปรามการทุจริต ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมามีปรากฎการณ์ใหม่ๆ ในการต่อต้านการทุจริต ทั้งการออกกฎหมายหลายฉบับ เสริมเขี้ยวเล็บให้แก่หน่วยงานตรวจสอบทุจริตอย่าง ป.ป.ท.มาหลายปี แต่บางหน่วยงานก็เพิ่งได้รับความเป็นอิสระในการบริหารงานหลังแก้กฎหมาย เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่เคยมีนายกฯ รองนายกฯ และนักการเมือง ร่วมเป็นกรรมการก็แก้กฎหมายใหม่เพื่อดึงนักการเมืองออกจากปปง.ให้เขาหากรรมการกันเอง และแก้กฎหมายป.ป.ช. เพื่อให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการเพิ่มอัตรากำลังให้ป.ป.ช.ไปหลายร้อยคน รวมถึงการออกกฎหมายจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริต ซึ่งผลักดันกันมานานได้เป็นผลสำเร็จ เพื่อให้คดีทุจริตได้รับการพิจารณาอย่างรวดเร็ว สามารถพิจารณาลับหลังจำเลยได้ และสิ้นสุดเพียงชั้นอุทธรณ์
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า สาเหตุของการทุจริตเกิดจากการให้บริการที่ล่าช้าของข้าราชการ นักธุรกิจและนักลงทุนต้องการความรวดเร็ว ทำให้นักธุรกิจยอมติดสินบนจ่ายเงินใต้โต๊ะ รัฐบาลจึงออกพ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการอนุญาตของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยหน่วยราชการต้องออกคู่มือระบุให้ชัดว่า เมื่อมีผู้มาติดต่อขออนุญาตจะใช้เวลาเท่าไรและใช้เอกสารอะไรบ้าง เมื่อถึงกำหนดหากออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ถือว่ามีความผิด มาตรการเหล่านี้แม้ไม่ทำให้การทุจริตหมดไป แต่ก็ทำให้การทุจริตลดลง โดยสิ่งที่กลัวที่สุดคือการขอใบอนุญาตบางอย่างต้องใช้เวลาถึง 2 ปี โดยไม่มีความหวัง และคำตอบคือไม่อนุญาต ซึ่งหมายความว่านักลงทุนเสียเวลาไป 2 ปีโดยไม่ได้อะไรเลย หากทราบตั้งแต่ต้นจะได้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น
“ล่าสุดรัฐบาลได้ประกาศวาระสำคัญอีกเรื่องรัฐบาลดิจิทัล เพื่อให้เกิดความเที่ยงตรง มาตรฐานเดียวกัน หลังจากนี้ 6 เดือน หน่วยราชการจะไม่เรียกเอกสาร ไม่เรียกดูสำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน เพราะทุกอย่างเชื่อมในระบบออนไลน์ วิธีการนี้จะช่วยลดการคอร์รัปชั่นลงได้ เราเคยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 46 ประเทศที่มีความยากในการลงทุน แต่ใช้เวลาเพียง 1 ปี พัฒนาขยับขึ้นเป็นลำดับ 26 ดีขึ้น 20 ลำดับ ส่วนภาพลักษณ์การทุจริตประเทศไทยเคยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 101 ก็ขยับเป็นลำดับที่ 91 แม้จะดีขึ้นแต่รัฐบาลยังไม่พอใจยังต้องออกกฎหมายทำให้ดีขึ้นไปอีก”นายวิษณุ กล่าว