รวบแก๊งอุ้มนักธุรกิจเครื่องสำอาง รีดเงิน 5 ล้านบาท

รวบแก๊งอุ้มนักธุรกิจเครื่องสำอาง รีดเงิน 5 ล้านบาท

กองปราบฯ ตามรวบแก๊งอุ้มนักธุรกิจเครื่องสำอาง รีดเงิน 5 ล้านบาท ทำทีมาติดต่อขอซื้อที่ดินก่อนขู่บังคับเรียกเงิน ตร.เชื่อยังมีผู้เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังอีก

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 18 มี.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.๓ บก.ป. ,พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส ,พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร ,พ.ต.ต.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.2 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.2 บก.ป. ร่วมกันจับกุมตัว นายกำปั่น ทอนเกาะ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 333 ม. 1 ต.บรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม นายกฤษฎา หรือต้อม ประวิเศษ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/6 ซ.ราชพฤกษ์ 19 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กทม. นายสมชาย หรือปิ๊ก มีสัตย์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. พร้อมของกลาง รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีเทา ติดแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียน ทล 7785 กรุงเทพ ยาเสพติด ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 0.75 กรัม ยาบ้า 2 เม็ด ธนบัตรรัฐบาลไทยปลอม ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 610 ฉบับ วิทยุสื่อสาร โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ บริเวณถนนภายในหมู่บ้านเอื้ออาทร มิตซู ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ต่อเนื่องกับ ห้องพักเลขที่ 16/13033 ตึก 130 หมู่บ้านเอื้ออาทร มิตซู ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 


รวบแก๊งอุ้มนักธุรกิจเครื่องสำอาง รีดเงิน 5 ล้านบาท

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายเป็นชายและหญิง นักธุรกิจผลิตเครื่องสำอาง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทาง พนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ว่าถูกคนร้าย 3 คน จับตัวไปเรียกค่าไถ่ โดยคนร้ายได้ออกอุบายให้ น.ส.จิตรัตดา เห็มสีดา ผู้ต้องอีก 1 รายที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ทำทีเข้ามาติดต่อขอซื้อที่ดินผืนหนึ่งใน จ.จันทบุรี โดยนัดหมายพบเจอกันที่ บ้านพักหลังหนึ่งใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี 


กระทั่งเมื่อผู้เสียหายเดินทางมาพบเจอตามกำหนดนัดหมาย คนร้ายทั้ง 3 ก็ได้ออกลายโจร สวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าพร้อมกับใช้อาวุธปืน จี้บังคับให้ผู้เสียหายทั้งสองให้หาเงินมาให้จำนวน 5 ล้านบาท โดยมีหัวหน้าขบวนการอีกคนหนึ่งคอยโทรศัพท์มาสั่งการคนร้ายกลุ่มนี้ตลอดเวลา ผู้เสียหายจึงพยายามต่อรองเพื่อประวิงเวลาในการขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่เป็นผล กระทั่งต่อมาคนร้ายกลุ่มนี้ได้พาตัวผู้เสียหายทั้งสองคนขึ้นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีเทา ติดแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียน ทล 7785 กรุงเทพ พร้อมกับขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูของผู้เสียหาย เพื่อจะออกเดินทางไปยังเขาใหญ่ด้วยเช่นกัน โดยขู่ว่าจะพาไปยิงทิ้ง 

ระหว่างทางคนร้ายยังได้บังคับให้ผู้เสียหายลงไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มจำนวน 1 แสนบาท พร้อมค้นเอาเงินสดที่มีติดตัวอยู่ในกระเป๋าอีก 3 หมื่นบาทและทรัพย์มีค่าอื่นๆของผู้เสียหายทั้งสองคนไป กระทั่งเมื่อเดินทางผ่านมาถึงบริเวณ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้เสียหายทั้งสองคนได้ทำทีปวดท้องขอเข้าห้องน้ำ ผู้ต้องหากลุ่มนี้จึงได้แวะจอดรถที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งให้ ทั้งนี้ด้วยความประมาทของคนร้ายที่ไม่ทันได้ระวังจึงทำให้ผู้เสียหายสบโอกาสวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีได้ทัน ส่วนคนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงรีบขึ้นรถแล้วขับหลบหนีไปในทันที



รวบแก๊งอุ้มนักธุรกิจเครื่องสำอาง รีดเงิน 5 ล้านบาท

ต่อมาทาง สภ.วังน้อยได้ประสานขอความร่วมมือมายังตำรวจกองปราบฯเพื่อให้ช่วยสืบหาเบาะแส เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส จนกระทั่งทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้ได้หลบหนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ในกมลอพาร์ตเมนท์ ซอยลาดปลาเค้า 53 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ ก่อนจะพบรถยนต์ของคนร้ายกำลังเคลื่อนตัวออกไปจึงสะกดรอยติดตาม 

กระทั่งรถของคนร้ายได้เลี้ยวเข้ามาภายในหมู่บ้านเอื้ออาทร มิตซู เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น พบมียาเสพติดอยู่ภายในตัวจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้จากการตรวจค้นภายในรถยังพบธนบัตรปลอม ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 50 ฉบับ ซุกซ่อนอยู่ภายในรถ พร้อมกับวิทยุสื่อสาร ก่อนนำตัวไปขยายผลตรวจค้นภายในบ้านพักซึ่งอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว จนพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งและธนบัตรปลอมของกลางเพิ่มเติมอีก 560 ฉบับ จึงยึดไว้เป็นหลักฐานดำเนินคดี

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพ โดยทั้งหมดให้การตรงกัน โดยมีนายกำปั่น เป็นผู้ชักชวนให้มาร่วมกันก่อเหตุดังกล่าว โดยมีการเช่าบ้านหลังที่เกิดเหตุใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ไว้ก่อนเพื่อทำทีเป็นสำนักงานหลอกให้ผู้เสียหายมาติดต่อซื้อขายที่ดิน กระทั่งก่อเหตุดังกล่าว ส่วนผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาคอยสั่งการในการเจรจาต่อรองเรื่องค่าไถ่กับผู้เสียหายนั้น คือ น.ส.จิตรัตดา ที่ทำหน้าที่เป็นนางนกต่อ


อย่างไรก็ตามเนื่องจากคดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในการออกหมายจับ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา "ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย,ร่วมกันมี (ธนบัตรรัฐบาลไทย) ไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งสิ่งใดๆ อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอม และร่วมกันมีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามหลักฐานของกลางที่ตรวจยึดได้ขณะเข้าตรวจค้น ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย รับตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


รายงานข่าวแจ้งอีกว่าสำหรับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนั้นจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายกำปั่น หนึ่งในผู้ต้องหานั้นเคยประกอบอาชีพเป็นช่างทำทอง และขับรถแท็กซี่มาก่อน รวมถึงยังเคยเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครช่วยงานตำรวจของ สน.หนึ่งในพื้นที่ย่านฝั่งธน กระทั่งมาถูกจับกุมในคดีดังกล่าว นอกจากนี้จากการสอบสอบสวนผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของทั้งหมด เนื่องจากแนวทางสืบสวนพบว่าน่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ และผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมตัวมารับโทษทางกฎหมายต่อไป