บุกจับ 'นิสา โรจน์รุ่งรังสี' คดีทัวร์ศูนย์เหรียญเลี่ยงภาษีหมื่นล้าน

บุกจับ 'นิสา โรจน์รุ่งรังสี' คดีทัวร์ศูนย์เหรียญเลี่ยงภาษีหมื่นล้าน

หน่วยอรินทราช-ตำรวจท่องเที่ยว บุกจับ "นิสา โรจน์รุ่งรังสี" พร้อมค้นบ้านหรู คดีทัวร์ศูนย์เหรียญเลี่ยงภาษีหมื่นล้าน

เมื่อเวลา 11.30 น วันที่ 17 มี.ค. 61 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อม พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ทท.1 พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบก.ทท.2 สนธิกำลังชุด อรินทราช ตำรวจท่องเที่ยว ได้นำหมายค้น และหมายจับ เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 64/129 ในหมู่บ้านภาณุแลนด์ แขวงบางระมาด เขต ตลิ่งชัน กทม. ซึ่งเป็นบ้านของ นายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี อายุ 61 ปี เจ้าของบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญ หลังตรวจพบว่ามี นางนิสา โรจน์รุ่งรังสี อายุ 62 ปี ประธานบริษัทในเครือ โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นภรรยาของ นายธงชัย มีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องหลีกเลี่ยงภาษีมีมูลค่าสูงกว่าหมื่นล้านบาท 

 

“บิ๊กโจ๊ก” นำกำลังอรินทราชบุกรวบ “โอเอ

 

จากการเข้าตรวจค้นบ้านพบว่านายธงชัย ไม่อยู่บ้านแต่อย่างใด นอกจากนี้ขณะเข้าตรวจค้นยังไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณบ้านแต่อย่างใด ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำตัว นางนิสา โรจน์รุ่งรังสี ประธานบริษัทในเครือโอเอฯ ผู้ต้องหาที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เกี่ยวกับบริษัทในเครือโอเอฯ ที่มีหลีกเลี่ยงภาษีธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 1 หมื่นล้านไปที่ บก.ปอศ. เพื่อให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ แถลงข่าวกับสื่อมวลชนในการจับกุม นางนิสา อีกครั้ง

 

“บิ๊กโจ๊ก” นำกำลังอรินทราชบุกรวบ “โอเอ

 

ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต สรุเชษฐ์ ได้เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาลให้หน่วยงานราชการร่วมกัน การปราบปรามกลุ่มบริษัทนำเที่ยวผิดกฎหมายหรือกลุ่มบริษัทนำเที่ยว ที่ประกอบการในลักษณะเป็นนอมินีสถานที่ประกอบการ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมในการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยเสียหาย รวมถึงผู้ประกอบการมีพฤติกรรมในการเลี่ยงการเสียภาษีอากร ต่อมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)ได้ มีคำสั่ง ที่ 567/2560 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ให้มีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนในคดีนี้ ได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับนายธงชัย และผู้เกี่ยวข้อง 

 

“บิ๊กโจ๊ก” นำกำลังอรินทราชบุกรวบ “โอเอ

 

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ทางกองตรวจสอบภาษีกลางกรมสรรพากรได้ตรวจสอบจนพบว่า นายธงชัย เป็นผู้ประกอบการที่มีรายได้จากการขายสินค้าในระหว่างปีพ.ศ. 2554 ถึง 2559 กว่า 3 หมื่นล้านบาท และจากการตรวจสอบพบว่านายธงชัยได้ปกปิดธุรกรรมการเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีกว่าหมื่นล้านบาท อันเป็นการฉ้อโกงหรืออุบายหรือ วิธีการใด โดยการหลีก เลี่ยงการเสียภาษีอากรตามมาตรา 37 (2)แห่งประมวลรัษฎากร จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ กระทั่งในวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญา จากนั้นศาลได้อนุมัติหมายจับ 3 คน ประกอบด้วย นายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 473/2561 ลง 16 มีนาคม 2561 ,นางนิสา โรจน์รุ่งรังสี ​ตามหมายจับศาลอาญาที่ 474/2561 ลง 16 มีนาคม 2561 และ น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี​ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 475/2561 ลง 16 มีนาคม 2561 ในความผิด “ร่วมกันกระทำการโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร” และ “ร่วมกันฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม กระทำการโดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดในทำนองเดียวกัน”

 

“บิ๊กโจ๊ก” นำกำลังอรินทราชบุกรวบ “โอเอ

 

          ทั้งนี้ พล.ต.ต.สรุเชษฐ์ กล่าวอีกว่า หลังจากกรมสรรพากร ได้ตรวจสอบแล้วและพบว่า ทั้งหมดที่จับกุม มีการเลี่ยงภาษี และมีการร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวน กระทั่งมีการออกหมายจับ และฐานความผิดมี 48 ฐานความผิด และเราจะให้ประกันตัวเป็นหลักทรัพย์ที่สูง ส่วนอีก 2 คน มีข่าวว่าจะเข้ามอบตัว แต่เราไม่รอให้มามอบตัว และจะติดตามไปจับกุมตัว อย่างไรก็ตามทัวร์ศูนย์เหรียญต้องหมดไป ทั้งนี้ยังมีการตรวจพบว่าใน จังหวัดภูเก็ต ยังมีอีก ต้องหมดไปถ้าไม่หมดเราจะไปจับกุมให้หมด.