MORNING CALL ACTION NOTES (16 มี.ค.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (16 มี.ค.61)

บวกสลับลบ

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้เคลื่อนไหวผันผวนทั้งแดนลบและบวก ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปกคลุมไปด้วยความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยรวม SET Index หนุนโดยกลุ่ม PETRO BANK HELTH ส่วน ENERG มาหักล้างบางส่วน ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,816.08 จุด (+2.68 จุด) Volume 6.14 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +1,073.81 ลบ.  TFEX Net +556 สัญญา ตราสารหนี้ +3,870.98 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

 +ดาวโจนส์ปิดดีดตัวขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวลดลง และดัชนีภาคการผลิตในรัฐนิวยอร์กซึ่งขยายตัวได้ดีเกินคาด

+น้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกหลัง IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้

+จำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 226,000 ราย สอดคล้องกับดัชนีภาคการผลิตพุ่งขึ้นสู่ระดับ 22.5 จุด และดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.พ. โดยปรับตัวขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน

-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐลดลง 1 จุด สู่ระดับ 70 ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 4.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นสู่ 31.22 บาท/USD

**20 – 21 มี.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ตลาดคาดที่ประชุมจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐส่วนใหญ่ที่ออกมาดี โดยมีปัจจัยกดดันจากตลาดหุ้นภูมิภาคที่กังวลการเมืองสหรัฐ และ Fund Flow ผันผวน  ขณะที่ตลาดรอดูผลการประชุม FED ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า  ดังนั้น คาด SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,803-1,825 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- TOP M BCPG หุ้นที่ได้เข้าคำนวณ FTSE

- CPF GFPT TFG จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย

- ERW ได้ประโยชน์จากการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรองและนักท่องเที่ยวจีน

- หุ้นปันผลเด่น BAFS CRD FTE GLOW KKP NYT SIS SPRC TISCO QH PDI PL AIT TKS AP KIAT

- BEC เรตติ้งรวมปรับขึ้นยกแผงช่วง prime time ขายโฆษณาขยับเป็น 100% จากเดิม 85%  อัตรานาทีละ 480,000 บาท

- หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ 31.22 บาท/$ (ต้นปี 17 อยู่ที่ 34 บาท/$) และราคาทองแดงทรงตัวในระดับสูง 6,924 $/Ton(ต้นปี 17 อยู่ที่ 5,600 $/Ton)

หุ้นแนะนำพิเศษ

JKN Analyst meeting

  • JKN ดำเนิน 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1) ธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ที่ซื้อและนำเข้าจากผู้ผลิตคอนเทนต์ชั้นนำมีสัดส่วนรายได้ 91%  2) ธุรกิจให้บริการเวลาเพื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้า สัดส่วนรายได้ 8%  3) ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Home Entertainment (DVD, Blu-ray) และเสื้อโครงการต่าง ๆ  สัดส่วนรายได้ 8% คอนเทนต์ที่รู้จักดี อาทิ หนุมาน สงครามมหาเทพ สีดาราม นาคิน อโศกมหาราช Walking Dead
  • กำไรปี 60 อยู่ที่ 7 ลบ. +14%YoY รายได้รวม 4 ปีย้อนหลังเติบโตเฉลี่ย 56% เนื่องจากคอนเทนต์ของบริษัทได้รับความนิยม ทำให้มีสถานีโทรทัศน์หลายช่องติดต่อซื้อคอนเทนต์เพิ่ม NPM ปี 60 อยู่ที่ 16.2% ลดลงจากปี 59 ที่ 19.4%  เนื่องจากมีการซื้อคอนเทนต์จากต่างประเทศเพิ่ม ทำให้มีคชจ.มากขึ้น แต่ในอนาคตมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากได้สิทธิในคอนเทนต์มาเพียงพอแล้ว
  • ปัจจุบัน JKN ได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากอินเดีย ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทในช่วงที่กระแสอินเดียมาแรง ในอนาคตบริษัทมีแผนจะขยายไปใน CLMV โดยปีนี้ตั้งเป้าไว้ 120 ลบ. ตั้งเป้าขยายสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 15% ของรายได้รวม จากปัจจุบัน 8% โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมโต 20-25% ต้นปีมี backlog 501 ลบ.มีกำหนดส่งมอบในระยะเวลา 3-6 เดือน คาดกำไรสุทธิ 1Q61 จะลดลง YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ QoQ เติบโตเนื่องจากใน 4Q60 เป็นช่วงพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพทำให้บริษัทมีรายได้ลดลง
  • ความเห็น : JKN ได้เปรียบจากคู่แข่งเนื่องจากได้ทำสัญญากับผู้ผลิตคอนเทนต์เจ้าหลักมาจนหมด ทำให้บริษัทได้เปรียบในการต่อรองสัญญากับทางสถานีโทรทัศน์ Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรสุทธิปี61อยู่ที245 ลบ.

หุ้นมีข่าว   

·        ประเด็นบวกกลุ่มโทรคมนาคม และทีวีดิจิทัล : วานนี้ รองนายกฯหารือร่วมกับ กสทช. หารือและได้ข้อสรุปสำคัญ 2 เรื่อง คือ 1) มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการโทรคมนาคม โดยขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz  งวดที่ 4 ออกไป 5 ปี พร้อมจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. และ 2) มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ให้พักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นเวลา 3 ปี รวม 1.2 หมื่นล้านบาท และลดค่าเช่าโครงข่าย (MUX) ลง 50% เป็นเวลา 24 เดือน

·         กสทช.จะนำข้อสรุปที่ได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ คสช.ในวันที่ 27 มี.ค. 61 โดยคาดว่าจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญประกาศใช้มาตรการช่วยเหลือภายในสิ้นเดือน มี.ค. 61

·        ความเห็น ประเด็นการขยายระยะเวลาการจ่ายค่าใบอนุญาต เป็นบวกต่อ ADVANC และ TRUE มาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ธ.ค. 60 แล้ว ซึ่งหนุนให้ราคาหุ้นของทั้ง ADVANC และ TRUE ปรับเพิ่มขึ้นราว 11.5% และ 22.2% ตามลำดับ แต่ด้วยทิศทางการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวได้มาอยู่กระบวนการสุดท้าย คือ มาตรา 44 จึงคาดว่าจะเป็นผลบวกต่อผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย ในด้านความผ่อนคลายของสถานะทางการเงิน โดยคาดว่า TRUE จะเป็นผู้ได้ผลบวกมากสุดเนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่น้อยกว่า ADVANC กว่า  8 - 10 เท่า ในขณะที่ มีงบลงทุนต่อปีใน Tangible asset น้อยกว่าไม่มาก นอกจากนี้ ยังจะได้รับกำไรพิเศษจากการจำหน่ายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF งวดที่ 3 ในช่วง 2Q61 – 3Q61

·        แนะนำ “ซื้อเก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว” TRUE โดยแม้ราคา Bloomberg Consensus จะอยู่ที่ 7.14 บาท แต่ปัจจุบัน TRUE ยังเป็นผู้ประกอบการเบอร์ 2 ที่ตลาดคาดน่าจะได้ส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น หาก DTAC ยังคงมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับคลื่น 2300 Mhz และการประมูลคลื่อน 900 และ 1800 Mhz ยังต้องคงชะลอการประมูลอยู่ อาจส่งผลให้เกิดการ Switch ช่วงสั้น

·        (+) TMB (ราคาปิด 2.78 Bloomberg Consensus 3.16)  ชี้แจงว่าตามที่มีข่าวปรากฏเกี่ยวกับคดีที่เกี่ยวพันกับการทุจริตทางด้านเอกสารโดยลูกค้าของธนาคารอ้างอิงถึงเอกสารกู้เงินจำนวน 3.4 พันล้านบาทนั้น ธนาคารแจ้งว่ายอดเงินกู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวมีจำนวนเพียง 800 ล้านบาท และคดีดังกล่าวเป็นคดีเก่าซึ่งธนาคารได้ดำเนินการฟ้องร้อง พร้อมทั้งดำเนินการตั้งสำรองฯเพื่อรองรับความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วในปี 57 ทั้งนี้ คดีดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคารในปัจจุบันและในอนาคต (ที่มา SET news)

·        ความเห็น ความเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นในอดีตการที่ธนาคารตั้งสำรองฯเต็มจำนวนไปแล้วจึงไม่น่าส่งผลกระทบกับธนาคาร ทั้งนี้ ธนาคารยังมีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องจาก Bloomberg Consensus ที่คาดกำไรปี 61 ราว 10,455 ลบ. +20% ราคาที่ปรับลงมากวานนี้ถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ

·        (+) IVL เผยบ.ย่อยเข้าซื้อธุรกิจ PET ในบราซิล มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 550,000 ตันต่อปี ซึ่งมีพื้นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมและได้รับประโยชน์จากการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการแบบเสมือน (Virtual Integration) กับผู้ผลิตวัตถุดิบหลักที่สำคัญอย่าง Purified Terephthalic Acid (PTA) คาดแล้วเสร็จ Q2/61