“เอนก” ชงปฏิรูปเลือกตั้ง เร่งด่วนใน 1 ปี หมดยุคปกครอง ปชต. สลับรัฐประหาร “ปานเทพ” ดันแก้ พ.ร.บ.ข้อทูลข่าวสาร หวังอันดับคอร์รัปชั่นไทยโปร่งใสติดอันดับต้นๆใน 20 ปีข้างหน้า
ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง พร้อมด้วยนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และนายพรชัย รุจิประภา ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศหัวข้อ"การเมืองสร้างสรรคพลังงานมั่นคง ดำรงความสุจริต" โดยนายพรชัย กล่าวว่า วิกฤติความเชื่อมั่นในพลังงานปัญหาคือ ประชาชนหรือเอ็นจีโอ ไม่เชื่อมั่นในข้อมูลของภาครัฐ ทำให้เข้าใจไม่ตรงกัน เห็นได้จากการเดินขบวนทั้งในเรื่องของท่อก๊าซและโรงไฟฟ้า ที่ปัญหาในปัจจุบันคือเราใช้ก๊าซธรรมชาติถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ก๊าซในอ่าวก็กำลังจะหมดลง จากข้อมูลตอนนี้ระบุว่าใช้ได้อีก 5 ปี และจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ถ่านหินจึงกลายเป็นพระเอกที่กำลังประท้วงกันอยู่จะเดินต่อหรือไม่ จะทำอย่างไร ปัญหาพันกันไปหมด
นายพรชัย กล่าวต่อไปว่า ขณะที่การปฏิรูปพลังงานต้องทำให้มีประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงานมากที่สุด โดยเฉพาะอาคารต่างๆที่ต้องออกกฎหมายมาควบคุมการใช้ไฟฟ้า นโยบายการนำรถไฟฟ้ามาใช้ทดแทนการใช้รถที่ต้องใช้น้ำมัน ต้องถอยกลับไป 1 ก้าวดูเทคโนโลยีที่เหมาะสมแต่ละช่วงเวลา ในขณะที่บ้านเรามีอุตสาหกรรมผลิตรถส่งออกขายทั่วโลก เพราะต้องมีเปลี่ยนแปลงระบบรองรับพลังงานแบบใหม่ ต้องมีที่ชาร์ตไฟฟ้าเป็นต้น โดยหัวใจสำคัญการปฏิรูปคือทำให้พลังงานเกิดความมั่นคง เพียงพอ และราคาที่เหมาะสม
ขณะที่นายเอนก กล่าวว่า ในช่วงที่ประเทศกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง นโยบายเร่งด่วนภายใน 1 ปีนี้ก็คือ การทำให้การเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม ให้ได้พรรคการเมือง และนักการเทืองที่มีความสามารถ และมีธรรมาธิปไตย ไม่เสนอนโยบายที่เป็นภาระงบประมาณประเทศ ในส่วนนี้ตนจะนำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อให้การปฏิรูปการเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องของคะแนนเสียงการเลือกตั้ง และจะรวมรัฐบาลอย่างไร แต่ต้องส่งเสริมการปฏิรูปที่ไม่ไปบังคับหรือลงโทษใคร เพราะเรื่องเหล่านั้นนั้นกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วขณะที่เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศในช่วงที่สำคัญ มียุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ภาระรัฐบาลไม่ได้มีแค่นโยบายหรือแก้ปัญหาไปวันๆเท่านั้นแล้ว ต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีผูกพันธ์หลังการเลือกตั้ง
นายเอนกกล่าวต่อไปว่า การปฏิรูปการเมืองคือต้องทำให้ประชาชนเป็นพลเมืองมากขึ้น ไม่ใช่แค่ทวงถามข้อเดือดร้อน แต่ต้องคิดมาจะทำประโยชน์อะไรให้กับบ้านเมืองได้บ้างและเป็นพสกนิกรที่ดีของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยจะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมวัฒนธรรมทางการเมือง เกิดความมั่นคง กระจายอำนาจ ท้องถิ่นไม่เป็นเพียงผู้รอรับผลประโยชน์หรือรับนโยบาย แต่มีส่วนร่วมเป็นรัฐธรรมาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยที่ไม่ใช่แค่การปกครองของเสียงข้างมากเท่านั้น แต่เป็นของประชาชน ข้าราชการ พรรคการเมือง บนความรู้รักสามัคคี ขัดแย้งได้แต่ไม่แตกแยก เพื่อไม่ให้เป็นเหมือนระบบไฮบริดในรถยนต์ ที่ใช้ทั้งก๊าซและน้ำมัน ที่มีทั้งระบบการเลือกตั้งและการยึดอำนาจการปกครองสลับกันไป แต่ต้องเป็นระบบธรรมาธิปไตย ถ้าทำได้เชื่อว่าประเทศจะมีทางรอด ประชาชนเป็นเจ้าของประชาธิปไตยมากขึ้น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คำขวัญ
ขณะที่นายปานเทพ กล่าวว่า แผนการปฏิรูปประเทศด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตว่าแผนนี้จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยได้แบ่งมาตรการออกเป็น 4 ด้าน คือ 1.ด้านการป้องกันและเฝ้าระวัง เป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยจะสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ที่ระบุให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการที่ประชาชนเฝ้าระวังทุจริต ที่จะต้องมีกฎหมายมารองรับภายใน 2 ปี เช่นการคุ้มครองผู้ชี้เบาะแส เป็นต้น 2.ด้านการป้องปราม ที่มุ่งเรื่องการทุจริตในภาครัฐเป็นหลัก ยกระดับประกาศ คสช. 69/2557 เป็นกฎหมาย นอกจากนี้ต้องมีหลักจริยธรรมในหน่วยราชการ และยังต้องปรับปรุง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ ให้ประชาชนตรวจสอบได้ง่าย และมีกรอบเวลาเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจน รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนมีการรวมตัวเพื่อเฝ้าระวังด้วย
นายปานเทพ กล่าวต่อไปว่า 3.ด้านการปราบปราม การดำเนินการคดีทุจริต จะต้องรวดเร็วเด็ดขาดและรุนแรง มีกรอบเวลาชัดเจน และ4.ด้านการบริหารจัดการปรับปรุงหน่วยงานต่อต้านทุจริตให้เป็นระบบ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และพยายามให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบการทุจริตแบบสากล โดยความหวังของการปฏิรูปของเราตั้งเป้าหมายว่าภายใน 20 ปี ประเทศไทย ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นโลก (ซีพีไอ) จะต้องดีขึ้นติดอันดับ 1 ใน 20 และตั้งความหวังว่า การไต่สวนคดีทุจริตมีรูปแบบตื่นตัวดำเนินการเร็ว ไม่ใช่เรื่องหายเป็นเวลานาน