ยธ.รุดช่วย 'ตาซาเล้ง' ถูกโจ๋เตะสลบ

ยธ.รุดช่วย 'ตาซาเล้ง' ถูกโจ๋เตะสลบ

คุ้มครองสิทธิรุดเยี่ยม "ตาขับซาเล้ง" แจ้งสิทธิรับเงินเยียวยาเหยื่ออาชญากรรม ด้านครอบครัวผู้เสียหาย เผยพอใจผลการเจรจาค่าเสียหาย โกรธแต่ให้อภัย เข้าใจวัยรุ่นบันดาลโทสะ ส่วนคดีอาญาให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 61 นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และพ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ลงพื้นที่เชิงรุกเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจพร้อมให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายรับคำขอและแจ้งสิทธิตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา กรณีนายจรูญ มณีพันธ์ ซาเล้งเก็บของเก่า วัย 82 ปี ถูกนายนราธร โสตติยัง อายุ 21 ปี วัยรุ่น คู่กรณีขับขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกัน ก่อเหตุเตะนายจรูญจนล้มคว่ำตกจากรถซาเล้ง และตามไปกระทืบซ้ำจนสลบ

นายเกิดโชค กล่าวว่า กรมคุ้มครองสิทธิฯ ได้เข้าให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและจะรับคำขอและแจ้งสิทธิตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเยียวยาทางการเงินแก่ผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากการกระทำความผิดทางอาญาของผู้อื่น โดยตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดนั้น โดยจะได้รับสิทธิ ดังนี้ ค่าใช่จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาล ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 40,000 บาท ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ในระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ ให้จ่ายในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่จังหวัดที่ประกอบการงานเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ ค่าตอบแทนความเสียหายอื่นให้จ่ายเป็นเงินตามจำนวนที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกิน 50,000 บาท และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าห้องและค่าอาหารวันละไม่เกิน 1,000 บาท นอกจากการแจ้งสิทธิเบื้องต้นแล้ว ยังได้ให้คำปรึกษาทางกฎหมายแก่ผู้เสียหายด้วย

ด้านนางฉลวย จริตเอก ภรรยาและ นางสาววนิดา มณีพันธุ์ บุตรสาว ซึ่งเฝ้าอาการ เปิดเผย อาการล่าสุดว่า ขณะนี้นายจรูญรู้สึกตัวแล้วแต่ยังมีอาการหลงๆลืมๆ สามารถเรียกและจำชื่อลูกได้ ส่วนแผลแตกที่คิ้วซ้ายได้รับการรักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว แต่ขณะนี้ยังมีอาการความดันสูงแพทย์จึงยังคงให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลต่อไป และจะประเมินอาการวันต่อวัน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุนั้น ได้พูดคุยกับครอบครัวของผู้ต้องหาแล้วซึ่งผู้ต้องหาก็ได้ขอขมาและยอมรับผิดทุกอย่าง รวมทั้ง รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายหลังจากออกจากโรงพยาบาลในกรณีที่มีอาการเจ็บป่วยต่อเนื่อง และได้การเจรจาชดใช้ค่าเสียหายในจำนวนที่พอใจ ในส่วนของครอบครัวแม้จะโกรธ แต่ก็ให้อภัยและเห็นว่าเป็นการทำโดยบันดาลโทสะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับวัยรุ่น ที่สำคัญแม่ของผู้ต้องหาเองก็รู้จักกับภรรยาของนายจรูญด้วย ส่วนการดำเนินการทางกฎหมายอื่นๆก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการต่อไป