ผบ.ทอ. ส่งหน่วยบิน ปฏิบัติภารกิจ 'ฝนหลวง'

ผบ.ทอ. ส่งหน่วยบิน ปฏิบัติภารกิจ 'ฝนหลวง'

ผบ.ทอ. ส่งหน่วยบิน ปฏิบัติภารกิจ "ฝนหลวง" โครงการพระราชดำริ "ในหลวง ร.9" ดีเดย์ 26 มี.ค.นี้ พร้อมอากาศยาน 12 เครื่อง หวังฝนตกพื้นที่เป้าหมาย

พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีส่งหน่วยบินฝนหลวงกองทัพอากาศ โดยมี นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร, นายทหารชั้นผู้ใหญ่, หัวหน้าสำนักงานช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ, คณะทำงานฝนหลวงและควบคุมไฟป่า, นักบิน, เจ้าหน้าที่หน่วยบินฝนหลวงกองทัพอากาศ และเจ้าหน้าที่จากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เข้าร่วมในพิธี ทั้งนี้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่นักบิน และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในการปฏิบัติภารกิจฝนหลวงกองทัพอากาศ 

พล.อ.อ.จอม กล่าวให้โอวาทว่า การปฏิบัติภารกิจในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฝนหลวงดำเนินการต่อเนื่องซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่นำความภาคภูมิใจมาสู่กองทัพอากาศ และเป็นพระราชดำริของมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนและเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติที่ยั่งยืนต่อไป ขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมและขอให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีความเสียสละ ใช้ความรู้ความสามารถประสบการณ์ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มความสามารถ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ

หลังจากนั้น พล.อ.อ.จอม ให้สัมภาษณ์ว่า ภารกิจทำฝนหลวงจะเริ่มปฏิบัติในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ประมาณ 270-300 เที่ยวบิน ส่วนที่ประชาชนยังไม่เข้าใจเรื่องฝนหลวงว่าอันตราย ใช้บริโภคไม่ได้นั้นทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการอยู่ ในส่วนของกองทัพอากาศก็ดำเนินการ ซึ่งประเทศไทย มีพื้นที่แห้งแล้งและพื้นที่น้ำท่วม การทำฝนหลวงเพื่อต้องการให้ฝนตกในที่ที่เราต้องการ ไม่ใช่ตกนอกพื้นที่ พร้อมทั้งยับยั้งลูกเห็บที่มากับพายุฤดูร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยจะใช้อากาศยานดำเนินการเพื่อยับยั้งลูกให้ลูกเห็บสลายตัว โดยมีการกำหนดและชี้เป้าหมายต่อผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ทำงานร่วมกับกองทัพอากาศ

พล.อ.อ.จอม ยังบอกอีกว่า สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นอย่างไรเนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวน การพยากรณ์อากาศจึงทำได้ยาก แต่ในส่วนของกรุงเทพมหานครที่ประสบปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐานนั้น กองทัพอากาศมีความพร้อมแต่มองว่าสถานการณ์ไม่รุนแรงเท่าที่ควร จึงยังไม่ได้รับการร้องขอหรือสั่งการให้ดำเนินการ โดยส่วนใหญ่แล้วปัญหาเรื่องหมอกควันที่มีความรุนแรงจะอยู่ที่ภาคเหนือแต่ปีนี้มีปัญหาน้อยจึงใช้เพียงแต่ละอองน้ำในภาคพื้นแก้ปัญหาไม่ได้มีการนำอากาศยานขึ้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับปีนี้ ทางกองทัพอากาศได้จัดเครื่องบินพร้อมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์สนับสนุนกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในโครงการพระราชดำริ “ฝนหลวง” จำนวน 12 เครื่อง โดยเครื่องบินที่ใช้สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจฝนหลวงประกอบด้วย เครื่องบินลำเลียงแบบที่ 2 ก (BT-67) จำนวน 4 เครื่อง, เครื่องบินโจมตีธุรการแบบที่ 2 (AU-23 A หรือ Peacemaker) จำนวน 6 เครื่อง ,เครื่องบินโจมตีแบบที่ 7 (Alpha Jet) จำนวน 2 เครื่อง

พร้อมสนับสนุนสถานที่เป็นฐานปฏิบัติการฝนหลวง จํานวน 11 กองบิน ประกอบด้วย กองบิน 1, กองบิน 2, กองบิน 4, กองบิน 5, กองบิน 7, กองบิน 21, กองบิน 23, กองบิน 42, กองบิน 46, กองบิน 56 และ รร.การบิน  ในการปฏิบัติภารกิจฝนหลวงเพื่อยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ การปฏิบัติภารกิจฝนหลวงเมฆอุ่น และการปฏิบัติภารกิจฝนหลวงด้วยพลุสารดูดความชื้นเสริมการปฏิบัติการฝนหลวงเมฆอุ่น  

โดยจะเริ่มปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป ซึ่งจะใช้เครื่องบินโจมตีแบบที่ 7 (Alpha Jet) จํานวน 2 เครื่อง ในการเริ่มปฏิบัติภารกิจฝนหลวง ณ ที่ตั้งกองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยที่ต้องประสบกับความเดือดร้อน อันเนื่องมาจากปัญหาภัยแล้ง การขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตรกรรม จึงทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งคณะปฏิบัติการฝนหลวงขึ้นเพื่อค้นคว้า ทดลอง และปฏิบัติการทำฝน จนประสบผลสำเร็จนับแต่ปี 2512 เป็นต้นมา 

โดยการดำเนินการตามโครงการพระราชดำริ “ฝนหลวง” ได้กระทำอย่างต่อเนื่อง และสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พสกนิกร จนเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกัน การปฏิบัติภารกิจของหน่วยบินฝนหลวง จึงเป็นภารกิจที่มีความสำคัญภารกิจหนึ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับกองทัพอากาศที่ได้สนับสนุนโครงการดังกล่าว กองทัพอากาศจึงได้สนับสนุนทรัพยากรต่างๆ เต็มขีดความสามารถและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทั่วทุกภูมิภาค