ฉีกซองน้ำผึ้งมะนาว วิจัยได้ขายจริง

ฉีกซองน้ำผึ้งมะนาว  วิจัยได้ขายจริง

จุดเปลี่ยนแบรนด์ “ผึ้งยิ้ม” จากน้ำผึ้งผสมมะนาวสำเร็จพร้อมขาย อาศัยงานวิจัยและการออกแบบเพื่อขยับสู่ผลิตภัณฑ์สูตรเข้มข้น แก้ปัญหาขนส่งและขยายตลาดส่งออก

จุดเปลี่ยนแบรนด์ “ผึ้งยิ้ม” จากน้ำผึ้งผสมมะนาวสำเร็จพร้อมขาย อาศัยงานวิจัยและการออกแบบเพื่อขยับสู่ผลิตภัณฑ์สูตรเข้มข้น แก้ปัญหาขนส่งและขยายตลาดส่งออก การันตีด้วยรางวัลผู้ประกอบการดีเด่นและรางวัลการออกแบบบรรจุภัณฑ์เด่น ในงาน อินโนเวทีฟ เฮ้าส์ อะวอร์ดส์ 2016 ตั้งเป้า 3 ปียอดขายทะลุ100 ล้านบาท


แฟรนไชส์ผึ้งยิ้มผ่านเกณฑ์พิจารณาให้เป็นผู้ประกอบการตัวอย่าง ในการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากงานวิจัย กระทั่งสามารถขยายแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 100 สาขาจากเดิม 300 สาขา อีกทั้งนำงานวิจัยมาต่อยอดทางธุรกิจในการพัฒนา “หัวเชื้อน้ำผึ้งมะนาว” จัดจำหน่ายในรูปแบบบีทูซี


ยืดอายุขยายพื้นที่ตลาด


จากความชอบเครื่องดืมน้ำผึ้งผสมมะนาวส่งผลให้ สรัลภัค จิรโรจน์วัฒน กลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์แบรนด์ผึ้งยิ้ม ที่ขยายตัวตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา แต่ยิ่งมีแฟรนไชส์เพิ่มยิ่งทำให้ต้นทุนการขนส่งเพิ่มเป็นเงาตามตัว ประกอบกับข้อจำกัดด้านอายุผลิตภัณฑ์ ทำให้ไม่สามารถรับออเดอร์จากลูกค้าที่สนใจนำไปจำหน่ายในต่างประเทศ


"ผลิตภัณฑ์ของเราต้องใช้ความเย็นในการเก็บรักษา หากส่งสินค้าในระยะทางไกลที่ต้องใช้เวลาหลายวัน สินค้าก็จะเสียระหว่างทาง จึงขอรับคำปรึกษาจากทีมนักวิจัยในโครงการ "อินโนเวทีฟ เฮ้าส์" ฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้น แต่ยังคงรสชาติและความสดไว้ได้ โดยส่งโจทย์วิจัยไปให้ ผศ.ปุณฑริกา รัตนตรัยวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอุตสาหกรรมอาหารจากภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก เพื่อคิดค้นสูตรการผลิตที่สามารถยืดอายุสินค้า กระทั่งได้ออกมาเป็นน้ำผึ้งผสมมะนาวแบบเข้มข้น เก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องและมีรสชาติใกล้เคียงสูตรดั้งเดิม เพิ่มสะดวกสบายในการขนส่งและกระจายสินค้า ทำให้สามารถเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม จีน ยุโรป


“เหตุที่ต้องปรับตัวเพราะยิ่งขายดี ยิ่งเสียเงินค่าขนส่งมากขึ้น จึงต้องพัฒนานวัตกรรมมาช่วยแก้ปัญหา ทำให้สามารถส่งสินค้าได้ตามความต้องการของลูกค้า แต่น้ำหนักสินค้าลดลงเพราะเป็นสูตรเข้มข้นที่นำไปผสมเพื่อเพิ่มปริมาณได้ 5-10 ลิตร”


ชูดีไซน์ดึงดูดใจลูกค้า


นอกจากการพัฒนาตัวสินค้าแล้ว สรัลภัคยังให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สื่อถึงมะนาวและน้ำผึ้ง โดยมีป๊อปอัพมะนาวด้านบนและซองน้ำผึ้งออกแบบเป็นโถใส่น้ำผึ้ง แยกเป็นซอง พกพาสะดวก สามารถฉีกออกมาบริโภคได้ง่าย การบริโภคก็เพียงฉีกซองผสมโซดา น้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น มีอายุการเก็บที่นานโดยไม่ต้องแช่เย็น ล่าสุดได้รับรางวัลผู้ประกอบการดีเด่นและรางวัลการออกแบบบรรจุภัณฑ์เด่น ในงานอินโนเวทีฟ เฮ้าส์ อะวอร์ดส์ 2016


“เดิมมีแฟรนไชส์ในปั๊มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า 300 สาขา แบ่งเป็น ต่างจังหวัด 70% กรุงเทพฯ 30% แต่เมื่อทำงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยืดอายุสินค้า ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนแฟรนไซส์ได้มากกว่า 100 สาขาทั้งในและต่างประเทศ คาดว่า 3 ปีจากนี้ตลาดโซนเอเซียจะรู้จักแบรนด์ บี สมายล์ (Bee Smile) และจะมียอดขาย 100 ล้านบาท มีสัดส่วนในประเทศและต่างประเทศ 50:50 พร้อมกันนี้จะขยายทำน้ำผึ้งสตรอว์เบอร์รี น้ำผึ้งมะนาวบ๊วย น้ำผึ้งผสมกีวี่และ น้ำผึ้งผสมส้มในแบบเข้มข้น โดยใช้วัตถุดิบจากฟาร์มที่ได้มาตรฐาน”


สรัลภัคให้คำแนะนำว่า การทำธุรกิจควรเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ถนัดที่สุด จากนั้นจึงต่อยอดไปสู่สิ่งที่รัก โดยต้องพัฒนาทักษะและความสามารถควบคู่กันไปด้วย เพราะปัจจุบันการแข่งขันและพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ผู้ประกอบการจำเป็นต้องตื่นตัว ขยัน อดทนและมีวิสัยทัศน์การทำธุรกิจ จึงจะสามารถอยู่รอดอย่างยั่งยืนได้