ผลงานรมต.เศรษฐกิจใหม่เอกชนให้สอบผ่านคาบเส้น

ผลงานรมต.เศรษฐกิจใหม่เอกชนให้สอบผ่านคาบเส้น

“กฤษฎา” ประเมินผลงานตัวเองยังไม่พอใจราคายาง-ข้าว ในขณะที่รัฐมนตรีพลังงานไม่ผ่านผลงานโรงงานไฟฟ้าในภาคใต้ ภาคเอกชนประเมินให้คะแนนผ่านคาบเส้น ชี้ ตัวเลขเศรษฐกิจดีแต่ยังไม่ลงระดับฐานราก

รัฐมนตรีเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 23 พ.ย.2561 และรัฐมนตรีหลายคนเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2561 ขณะนี้ครบ 3 เดือนแล้ว

สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกระทรวงที่เปลี่ยนรัฐมนตรีถึง 3 คน โดยนายกฤษฏา บุญราช รับหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ประกาศกรอบการทำงาน 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2560 มีภารกิจที่ให้ความสำคัญ คือ การแก้ปัญหาราคายงพารา

การแก้ปัญหาของนายกฤษฏา ได้รับฟังความเห็นชาวสวนและหารือกับมาเลเซียและอินโดนีเซียเพื่อชะลอการส่งออกยาง 3.5 แสนตัน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 31 มี.ค นี้ และผลักดันให้หน่วยรัฐซื้อยางในปีงบประมาณ 2561-2562 รวมทั้งงดการกรีดยางในพื้นที่ของรัฐ 3 เดือน และสนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ประกอบยาง 20,000 ล้านบาท

นายกฤษฎา กล่าวว่า ได้ทำให้ราคายางเพิ่มขึ้นจากวันที่ 1 ธ.ค.2561 ยางแผ่นดิบ ก.ก.ละ 41.90 บาท และราคาวันที่ 8 มี.ค.2561 ก.ก.ละ 48.58 บาท ส่วนสินค้าเกษตรอื่น เช่น ข้าว มาอยู่ที่ตันละ 8,000 บาท เป็นที่พอใจของชาวนา แต่ส่วนตัวยังไม่พอใจผลงาน และต้องประเมินผลงานทุก 3 เดือน มีเป้าหมาย เพื่อให้ราคาสินค้าเกษตรไม่ตกต่ำกว่า โดยระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาลจะต้องทำให้ ข้าวและยางพารามีราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะต้องลดผลผลิตยางจากปีละ 4.5 ล้านตัน ให้เหลือ 3.5 ล้านตัน จะส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรได้รับปรับเพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 60 บาท ทั้งหมดนี้เป็นการกดดันทั้งตัวเองและเจ้าหน้าที่

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผลงานที่ชัดเจน คือ การประมูลสัมปทานปิโตรเลียมแหล่งบงกชและเอราวัณที่จะประกาศเชิญชวนปลาย เม.ย.และได้ผู้ชนะประมูล ก.พ.2561 ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และเทพาต้องยืดเวลาไป 5 ปี และต้องทำรายงานผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ (เอสอีเอ) เพื่อประเมินที่ตั้งโรงไฟฟ้าใช้เวลาศึกษา 9 เดือน ทำให้โครงการยืดเวลาออกไป

นายพรายพล คุ้มทรัพย์ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การผลักดันสัมปทานปิโตรเลียมมีความคืบหน้าหากผลักดันได้จะเป็นผลงานสำคัญจึงให้คะแนน 9 เต็ม 10 ร่าง ส่วนการผลักดันแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) ฉบับใหม่ จะสรุปได้ในปลายเดือน มี.ค.นี้ เป็นผลงานที่มีความคืบหน้า แต่การผลักดันโรงไฟฟ้าในภาคใต้ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่ชัดว่าจะสร้างได้เมื่อไหร่และจะสร้างได้หรือไม่ จึงให้คะแนนส่วนนี้เพียง 6 เต็ม 10

ส่วนนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลงานส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการติดตามแผนฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ ขสมก. รฟท.และการบินไทย โดยผลงานสำคัญอยู่ที่การผลักดันให้ซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ที่ ขสมก.วางแผนนำมาใช้ในเดือน พ.ค.นี้ แต่มีงานที่ยังไม่มีความคืบหน้า เช่น การก่อสร้างแหลมฉบังเฟส 3 วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท ที่ติดปัญหารายงานวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม การแก้ปัญหาความแออัดในสนามบิน 6 แห่ง ของ ทอท.

ผลงานของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ มาดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ทำแผนบริหารจัดการน้ำปี 2562 วงเงิน 1.28 แสนล้านบาท และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีผลงานผลักดันกฎหมายลดความเหลื่อมล้ำและกฎหมายธุรกิจ

นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผอ.หลักสูตรการจัดการภาครัฐและเอกชนมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า ประเมินผลงานของ พล.อ.ฉัตรชัย และนายกอบศักดิ์ ได้คะแนนคาบเส้น 5.5–6 เต็ม 10 เพราะยังไม่มีผลงานส่วนที่นายกฯมอบให้กำกับดูแลหน่วยงานต่างๆ และนายกอบศักดิ์ที่ถูกมอบหมายหลายงานอาจต้องมาจัดลำดับเรื่องเร่งด่วนเพราะเหลือเวลาไม่มาก

สำหรับนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ทำงานที่ถนัดในสายวิชาการเพื่อใช้วิทยาศาสตร์ขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 รวมถึงได้รับอนุมัติงบ 14 โครงการบิ๊กร็อค 3,200 ล้านบาท ซึ่งนายสุวิทย์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีไว้ใจเรื่องนี้ในการอนุมัติก้อนนี้ ในขณะที่การทำงานจะมุ่งสไตล์ Action to Vision จะแสดงวิสัยทัศน์อย่างเดียวไม่ได้

ส่วนนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่ขยับขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ผลักดันนโยบายเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเคยระบุว่าต้องการให้นโยบายที่ทำเกิดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจฐานราก 1.6 แสนล้านบาท และหลายงานของนายสนธิรัตน์ เริ่มทำมาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ รวมทั้งได้นางสาวชุติมา บุณยประภัศร มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจใหม่ทำงานได้ดีทุกกระทรวง ในภาพรวมจึงให้คะแนน 8 เต็ม 10 และ ส.อ.ท.ยังได้ทำงานกับกระทรวงเกษตรฯ มากขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อแปรรูปสินค้าเกษตรและการนำเครื่องจักรกลการเกษตรไปเพิ่มผลผลิต ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ยังมีความร่วมมืออุตสาหกรรม 4.0 และกระทรวงพลังงาน ก็ได้เร่งเดินหน้าจัดทำสัมปทานแหล่งก๊าซที่เป็นเรื่องสำคัญของภาคอุตสาหกรรม

นายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล ประธานสถาบันวิสาหกิจอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ส.อ.ท.กล่าวว่า สำหรับนายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เป็นรัฐมนตรีใหม่ที่มีนโยบายทำบิ๊กดาต้ามาใช้เป็นฐานข้อมูลส่งเสริมเอสเอ็มอีถือว่าสอบผ่าน แต่จากนี้ต้องดูว่าในภาคปฏิบัติขับเคลื่อนนโยบายเป็นอย่างไร

ว่าที่ ร.อ. จิตร์ ศิรธรานนท์ รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า เห็นความพยายามของรัฐมนตรีใหม่ แต่งานอย่างอย่างเป็นการวางพื้นฐานระยะยาวจึงไม่ค่อยส่งผลถึงระยะสั้น โดยเฉพาะการแก้ปัญหากำลังซื้อของผู้บริโภค ในภาพรวมจึงให้คะแนนกลางระดับ 5 คะแนน เพราะตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในระดับเศรษฐกิจฐานราก

ส่วนการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่เห็นนโยบายใหม่ ต่างจากกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีนโยบายใหม่ เช่น 9 มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี การพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0