ผู้ว่าฯ สตง. ออกโรงแจงไม่ใช่ต้นเหตุทำโรคพิษสุนัขบ้าระบาด

ผู้ว่าฯ สตง. ออกโรงแจงไม่ใช่ต้นเหตุทำโรคพิษสุนัขบ้าระบาด

ผู้ว่าฯ สตง.ออกโรงแจง โดนกล่าวหาต้นเหตุทำพิษสุนัขบ้าระบาด ระบุเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน จัดหาวัคซีนป้องกันชะงัก 2 ปี

เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 61 นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยถึงกระแสข่าวกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทักท้วงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเด็นเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ในการจัดหาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ในช่วงปลายปี 2557 และมีการกล่าวอ้างว่าทำให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต้องหยุดชะงักเป็นเวลา 1-2 ปี จนเป็นเหตุให้มีการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าในช่วงปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ว่า สตง. ในฐานะองค์กรตรวจเงินแผ่นดินได้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ในการควบคุมดูแลการใช้จ่ายเงินแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน แต่ขณะเดียวกัน สตง. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจหรือเพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้นได้

โดยเมื่อช่วง ม.ค. 2558 สตง. ได้มีการประชุมเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมปศุสัตว์ กรมควบคุมโรค รวมทั้งผู้แทนจากสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย จนต่อมาเมื่อ มิ.ย. 2558 กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่องการดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่สามารถดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้

โดยในช่วงเวลาดังกล่าว จังหวัดก็ได้มีหนังสือแจ้งไปยังนายอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ โดยอ้างผลจากการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าต่อไป

“การกล่าวอ้างว่าการทักท้วงของ สตง. มีผลทำให้การดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องหยุดชะงัก จนเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าในปัจจุบันนั้น น่าจะคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง เนื่องจาก สตง. มีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด ขณะเดียวกันกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก็ได้มีหนังสือเวียนแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้มีหนังสือแจ้งไปยังนายอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันแล้ว” นายประจักษ์ กล่าว