MORNING CALL ACTION NOTES (12 มี.ค.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (12 มี.ค.61)

เคลื่อนไหวในกรอบ

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงแกว่งตัวในแดนลบเป็นหลัก ท่ามกลางปัจจัยบวกลบคละเคล้า ทั้ง ECB คงดอกเบี้ย น้ำมันอ่อนตัว จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการเพิ่มขึ้น  การเห็นชอบ กม.เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. โดยกลุ่ม ENERG FIN กดดันหลักจากปัจจัยเฉพาะตัว ส่วน COMM หนุน ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,775.37 จุด (-3.53 จุด) Volume 7.18 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +2,814.76 ลบ.  TFEX Net -14,005 สัญญา ตราสารหนี้ +5,508.33 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ Down jones ปรับตัวขึ้นแรงกว่า 1.77% อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันทำการ และ Nasdaq ทำ All time High (+1.79%) หลังการรายงานตัวเลขการจ้างงาน (Non-farm) เดือน ก.พ. 61 เพิ่มขึ้นกว่า 3.13 แสนตำแหน่ง มากกว่าคาดที่ 2.22 แสนตำแหน่ง และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบกว่า 2 ปี ท่ามกลางกระแสการเข้าสู่โต๊ะเจรจาระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือกลบความกังวลภาษีเหล็กฯ

+ ราคาน้ำมันดิบกลับมาปรับเพิ่มขึ้น 2.9% หลังการรายงานตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ (โดน Baker Huge) ลดลงราว 4 แท่น มาอยู่ที่ 796 แท่น

+/- ประธานเฟดบอสตันหนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้  ขณะที่ประธานเฟดชิคาโกเผยพร้อมรอถึงกลางปี ก่อนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

+/- อียู-ญี่ปุ่น-สหรัฐ ร่วมหารือกม.ศุลกากรฉบับใหม่ของสหรัฐที่ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม โดยอียูและญี่ปุ่นต้องการให้ยกเว้นบังคับใช้อัตราภาษีเนื่องจากการเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 5.45 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยสู่ 31.3 บาท/USD

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศและตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับขึ้น  และการที่สหรัฐมีแนวโน้มยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมให้กับประเทศคู่ค้าสำคัญช่วยลดโอกาสเกิดสงครามการค้า รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ผันผวน ดังนั้นคาด SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,766-1,786 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- CPF GFPT จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย

- TVO ราคากากถั่วเหลือง +19.2%QTD ขณะที่ราคาเมล็ดถั่วเหลืองปรับเพิ่มขึ้นเพียง 8.7%QTD และได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง 

- หุ้นปันผลเด่น ASEFA BAFS CPT CRD FTE GLOW KKP NYT PSH PTTGC SCB SF SIS SMPC SPRC TK TOP WHAUP TISCO QH PDI

- หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ 31.3 บาท/$ (ต้นปี 17 อยู่ที่ 34 บาท/$) และราคาทองแดงทรงตัวในระดับสูง 6,915 $/Ton(ต้นปี 17 อยู่ที่ 5,600 $/Ton)

หุ้นแนะนำพิเศษ

SCB (ราคาปิด  148.50 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 164.18)

  • ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังหุ้นละ 4 บาท yield 2.7% XD 17 เม.ย. ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PBV 1.4 เท่าสูงกว่ากลุ่มที่ระดับ 1.3 เท่าเล็กน้อย ส่วนอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)37% สูงสุดในกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ที่มีค่าเฉลี่ยย 9.4%
  • เป็นหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้นทำให้ความต้องการสินเชื่อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาหุ้น laggard จากกลุ่มจากที่ยังต่ำกว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาราว 2%
  • ล่าสุด SCB ประกาศความพร้อมเข้าหนุนสินเชื่อให้ EA เพิ่มในโครงการแบตเตอรี่มูลค่า 1 แสนลบ. ทั้งนี้เป้าสินเชื่อปีนี้เติบโต 6-8% ปลายม.ค. 61 สินเชื่อหดตัว 0.12YTD รวมทั้งจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับจูเลียส แบร์ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจบริการไพรเวทแบงกิ้งจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทุนจดทะเบียน 1.8 พันล้านบาท SCB ถือหุ้น 60%  ในการให้บริการลูกค้าในประเทศลงทุนในตปท.และการบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้า  ช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในอนาคต ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 4.6 หมื่นล้านบาท +7%

ส่องหุ้น

  • TOA แนวรับ 50-35.00 บาท  แนวต้าน 36.25 , 37.50 บาท
  • ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 3 สัปดาห์ โดยขยับออกไปเล่นนอกกรอบ BollingerTop เล็กน้อย พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ MACD ยังไม่หลุดศูนย์และกำลังดีดกลับ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้น BollingerTop แถวๆ 50 บาทซะก่อน เต็มที่ 35.00 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบแนวต้านในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 36.25 บาท ก่อนผ่านขึ้นไปแถวๆ 37.50 บาทต่อไป
  • BEC แนวรับ 80-11.70 บาท  แนวต้าน 12.30 , 12.60 บาท
  • ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์เล็กน้อยโดยปิดได้ในระดับสูงของวัน พร้อมปริมาณวอลุ่มที่สูงขึ้นทำให้ MACD เริ่มดีดกลับใกล้พ้นระดับศูนย์ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 80 บาทซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุด11.50 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 12.30 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันแถวๆ 12.60 บาทต่อไป
  • ECF แนวรับ 80-6.75 บาท  แนวต้าน 7.15 , 7.50 บาท
  • ระดับราคาเริ่มดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 8 วัน ในขณะที่วอลุ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและ MACD ที่กำลังดีดกลับขึ้นเหนือศูนย์ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 80-6.75 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแถวๆ 7.15 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 7.50 บาทต่อไป

 

หุ้นมีข่าว   

·        FTE (ราคาปัจจุบัน 3.16 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 4.25 บาท) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เติบโต 20%YoY ที่ 1.15 พันล้านบาท Backlog 380 ล้านบาท (รับเหมา 260 ล้านบาท Trading 120 ล้านบาท) คาดรับรู้ปี 61 ได้ 70%  ปัจจุบันมีแผนเข้าประมูลงงานอีกกว่า 700 ล้านบาท (EGAT 400 ล้านบาท อื่นๆ 300 ล้านบาท) ส่วน 1Q61 คาดผลการดำเนินงานทรงตัว YoY เนื่องจากวันหยุดค่อนข้างมาก  แต่จะมีการเปิดสาขาที่ระยองปลาย มี.ค. 61 นี้ ส่วน CLMV คาดเปิดสาขาเวียดนามในปี 62 (ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)

·        ความเห็น ต้องติดตามความคืบหน้าการเข้าประมูลงานของ EGAT อย่างใกลชิด เนื่องจากรายได้จากการรับเหมาจะมีบทบาทมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า FTE จะสามารถคงส่วนแบ่งตลาดในงาน EGAT ได้ราว 65 - 70 % เหมือนในอดีต ขณะที่ความท้าทายตกเป็นของส่วนธุรกิจ Trading เนื่องจากปัจจุบันบริษัทยังมีปัญหาเรื่องการสรรหาบุคลากรมารองรับการขยายสาขาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม Outlook ของอุตสาหกรรมน่าจะยังคงมีการเติบโตของ Demand จากทั้ง โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และ EEC ซึ่งเป็นประเด็นการขับเคลื่อน ศก.หลัก จึงยังเชื่อว่ายังมีโอกาสในการขยายตัวของ  FTE อยู่ จึงคงแนะนำ "ซื้อ"

·         (+) CGD (ราคาปิด 1.68 ซื้อเก็งกำไร) เนื้อหอม “เทมเพิลตัน” กองทุนใหญ่อเมริกา ดอดบิ๊กล็อตซื้อ 300 ล้านหุ้น ในราคา 1.56 บาท/หุ้น รวมมูลค่า 468 ล้านบาท ฟาก “เบน เตชะอุบล” ชี้กองทุนเชื่อมั่นพื้นฐาน CGD อนาคตเติบโต การันตีผลประกอบการปีนี้เทิร์นอะราวด์ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·        ความเห็น  ผลการดำเนินงานปี 60 ขาดทุน  193 ล้านบาทน้อยกว่าคาดการณ์ของฝ่ายวิจัยที่คาดว่าจะขาดทุน 238 ล้านบาท  ทั้งนี้การเริ่มโอนโครงการเจ้าพระยาเอสเตท ในช่วงปลายปีนี้ (ข้อมูลจนถึง 3Q60 มียอดจองแล้ว 60%)จะทำให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มีโอกาสพลิกทำกำไรจากที่มีผลขาดทุนมาตลอด 3 ปีในปี 58 – 60 ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรปี 61 จากระดับเดิมที่ 421 ล้านบาทและราคาเหมาะสมเดิมที่ 1.45 บาท   แนะนำซื้อเก็งกำไรผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้ม turnaround ในปีนี้

·         (+) MTLS (ราคาปิด 38.25 Bloomberg Consensus48.80) เผยสินเชื่อ 2 เดือนแรกปี 61 พุ่ง 40% มั่นใจทั้งปีแตะ 8 หมื่นล้าน มั่นใจคุม NPL ไม่เกิน 1.5% พร้อมแจงแผนเปลี่ยนชื่อเป็น “เมืองไทย แคปปิตอล” หรือ MTC เพื่อลบภาพเช่าซื้อ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·        ความเห็น เป็นข้อมูลเชิงบวกที่บ่งชี้ถึงการเติบโตต่อเนื่องของรายได้และผลการดำเนินงานในปีนี้ ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 3.4 พันล้านบาท เติบโตสูงต่อเนื่องอีก 36%YoY จากปี 59 ที่กำไรเติบโต 70% เป็น 2.5 พันล้านบาท

·        เจาะหุ้นกลุ่มเช่าซื้อหลังแจ้งผลประกอบการปี 60 พบ SAWAD คว้ากำไรมากกว่าคาด เผยปีนี้ยังเติบโตระดับสูงต่อ นักลงทุนสถาบันต่างประเทศสนใจเข้าลงทุนระยะยาว เช่นเดียวกับ MTLS-TK-LIT และ ASK  ที่มีโอกาสทำกำไรนิวไฮได้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·        JUBILE อัดฉีดเม็ดเงินลงทุน 120-150 ล้านบาท เนรมิตสาขาใหม่ทั้ง
แบรนด์ Jubilee และ Forevermark อัพยอดขายเพิ่ม พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2561 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เน้นบริหารต้นทุน เดินหน้าปั๊มมาร์จิ้นไม่ต่ำกว่า 40% (ที่มา ทันหุ้น)

·        ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อแผนขยายสาขาซึ่งบริษัทจะเน้นการขยายตัวตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ (Central Robinson และ The Mall) โดยมีการนำข้อมูล Big Data ของลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อให้สามารถทำการตลาดได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 61 เพิ่มขึ้น 10% มาอยู่ที่ 204 ล้านบาทเติบโต 11%YoY โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 16%YoY โดยคาดผลประกอบการใน 1Q61 จะอ่อนตัวลงสู่ 41 ล้านบาท   ลดลง 35%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 23%YoY