ผบช.ก. ยัน! คดีหวย30ล้าน ไม่มีการละเว้น 'อดีต บิ๊กตร.เมืองกาญจน์'

ผบช.ก. ยัน! คดีหวย30ล้าน ไม่มีการละเว้น 'อดีต บิ๊กตร.เมืองกาญจน์'

"ฐิติราช" ระบุขอให้ประชาชนเชื่อใจในการดำเนินคดีหวย 30 ล้าน ยันไม่มีการละเว้น "อดีตผู้การฯเมืองกาญจน์"

เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 11 มี.ค.2561 ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าคดีหวย 30 ล้านบาท จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่าง นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ ว่า ในพรุ่งนี้ทางคณะทำงานจะทำการประชุม เพื่อสรุปการออกหมายเรียก นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน ซึ่งอ้างว่า เป็นผู้เห็น ร.ต.ท.จรูญ ก้มเก็บล๊อตเตอรี่ โดยการออกหมายเรียกดังกล่าว เพื่อมารับทราบข้อหาฐานร่วมกันการกระทำผิดกับนายปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น เเม่ค้าล๊อตเตอรี่จากการกระทำดังกล่าวที่ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยแม้นายฐนุกร จะมีการเปลี่ยนคำให้การในภายหลัง แต่ก็เป็นเรื่องที่จำนนต่อพยานหลักฐาน ซึ่งเราจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด

พล.ต.ท.ฐิติราช ยังระบุถึงการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาญจนบุรี ว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียก นายปรีชา , นางรัตนาพรและ น.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช เเม่ค้าขายล๊อตเตอรี่มาเพื่อเเจ้งข้อหาฐาน เกี่ยวกับการสนับสนุนในการทำคำให้การ ทำให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากับ พล.ต.ต.สุทธิ ไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งกลุ่มบุคคลที่มีหมายเรียกดังกล่าว ทางคณะทำงานจะพิจารณาอีกที ว่าจะเป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุน

โดยภายในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งคดีดังกล่าวจะมีการแยกทำเป็นอีกสำนวนคดีจากคดีหลัก ซึ่งการพิจารณา ตามมาตรา 157 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะพิจารณาสำนวนให้ครบถ้วนที่สุด ก่อนส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. พิจารณาทำสำนวนส่งให้อัยการฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตต่อไป

ส่วนกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกัน เพื่อไม่ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธินั้นพล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเชื่อใจ เราจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ทุกอย่างดำเนินการตามพยานหลักฐาน ตำรวจเป็นเพียงกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ตำรวจจะต้องส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้อง และศาลเท่านั้นที่มีอำนาจตัดสินความผิด

"คนทำผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด ไม่มีการละเว้น เรื่องนี้แม้เริ่มต้นเกิดจากความเชื่อ แต่ภายหลังผู้การจังหวัด มีการแก้ไขคำให้การ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ถือเป็นการสอบสวนโดยมิชอบ และส่อไปในทางทุจริต ตรงนี้ผมพูดชัดเจน ประชาชนไม่ต้องกังวล ผมเองจะดูเองทุกเรื่อง ส่วน พล.ต.ต.สุทธิ จะปฎิเสธหรือรับสารภาพ ตำรวจไม่ได้มีความกังวล ใครจะให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิ แต่เราก็รวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวนให้มากที่สุด ยิ่งปฎิเสธยิ่งดี ผลการกระทำจะบอกเองว่าใครทำผิด" ผบช.ก. กล่าว

อย่างไรก็ตาม การส่งหมายเรียกผู้สนับสนุนในความผิดมาตรา 157 เจ้าหน้าที่ได้ส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ด่วนให้กับผู้ต้องหา โดยให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 16 มีนาคมนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการส่งเรื่องให้ พล.ต.ต.สุทธิ ออกจากราชการหรือไม่ พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานต้นสังกัด รวมถึงหน่วยงานที่ตรวจสอบเรื่องวินัย จะเป็นผู้พิจารณา


เมื่อถามว่า ตำรวจ 2 นาย ที่ถูกกันไว้เป็นพยานจะถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ฐิติราช ระบุว่า เราจะบริหารงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อไม่ให้มีช่องว่างในการต่อสู้คดี จึงต้องดูว่ามีพยานหลักฐานอื่นประกอบด้วยหรือไม่ ซึ่งตำรวจจะต้องหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาเปรียบเทียบ เบื้องต้นบุคคลที่สอบปากคำไปนั้น ต้องการทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการ และสั่งผ่านใครมา เพื่อให้ขยายผลไปถึงระดับผู้สั่งการในการกระทำผิด