'นพ.ธงชัย' เผยขออุ้มบุญไม่ผ่าน 11 คู่ จาก 169 คู่

'นพ.ธงชัย' เผยขออุ้มบุญไม่ผ่าน 11 คู่ จาก 169 คู่

บังคับใช้ ก.ม.อุ้มบุญ 2 ปีครึ่ง ผ่านเกณฑ์ 158 คู่ "สบส." ชี้ ก.ม.ขจัด "นายหน้าขายอสุจิตัวอ่อน แม่รับจ้างอุ้มบุญ" ย้ำโทษหนักคุก 10 ปี ปรับสูง 2 แสน

เมื่อวันที่ 11 มี.ค.61 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 หรือ "กฎหมายอุ้มบุญ" ว่า กฎหมายฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้คู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีบุตรยาก ได้มีบุตรตามต้องการ รวมทั้งควบคุมการศึกษาวิจัยไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง

โดยจากผลการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว มาตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.58 ประมาณ 2 ปีครึ่ง พบว่า มีผู้ให้ความสนใจสอบถามไป ยังสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ เพื่อปรึกษาข้อกฎหมาย การดำเนินการด้านเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ รวมทั้งการขอรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ของสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนเดือนละกว่า 100 ครั้ง ซึ่งคณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (กคทพ.) ได้พิจารณาเรื่องขออนุญาตให้ตั้งครรภ์แทนเสร็จสิ้นแล้ว 169 คู่ อนุญาต 158 คู่ และไม่อนุญาต 11 คู่ เนื่องจากคุณสมบัติของหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้บริจาคไข่ ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ หญิงที่รับตั้งครรภ์แทนมีอายุเกิน 40 ปีบริบูรณ์ หรือมีการผ่าคลอดเกิน 1 ครั้ง

"นับตั้งแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้กรม สบส.ยังไม่พบว่ามีการลักลอบอุ้มบุญภายในประเทศ แต่เพื่อป้องกันมิให้เกิดการลักลอบอุ้มบุญเพื่อการพาณิชย์ซึ่งขัดต่อหลักกฎหมายและศีลธรรม กรม สบส.ขอเน้นย้ำให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะทำให้ทั้งคู่สมรส หญิงที่รับตั้งครรภ์ และเด็กได้รับการคุ้มครองอย่างรอบด้าน โดยกฎหมายได้กำหนดความเป็นบิดาและมารดาของเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯไว้อย่างชัดเจน รวมทั้ง ระบุให้คู่สมรสรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจ รักษาพยาบาลตามกระบวนการ ค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์ และเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯ จึงมั่นใจได้ว่าทั้งหญิงที่รับตั้งครรภ์แทนและเด็กจะได้รับการดูแลอย่างรอบด้านตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ จนถึงหลังคลอด" รอง อธ.สบส. กล่าวย้ำ

ขณะที่ ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผอ.สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า ผู้ที่มีสิทธิขออนุญาตให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน จะต้อง 1.เป็นคู่สมรสชาวไทย ที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย 2.หากเป็นชาวไทยที่สมรสกับชาวต่างชาติ จะต้องจดทะเบียนสมรสมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และห้ามคู่สมรสซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้งคู่ , หญิงโสด , ชายโสด หรือคู่สมรสเพศเดียวกัน ส่วนหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน จะต้องมีสัญชาติไทยและเคยมีบุตรมาแล้ว

ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนลักลอบอุ้มบุญ จะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งมีบทลงโทษแบ่งเป็นวาระต่างๆ อาทิ แพทย์ผู้ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ , ผู้ใดรับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท , ผู้ใดกระทำการซื้อขาย อสุจิ , ไข่ หรือตัวอ่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ , กระทำการเป็นนายหน้าชี้ช่องทางให้มีการตั้งครรภ์แทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ