รมว.ท่องเที่ยวอยากให้ 'สกล' นั่งผู้ว่าฯกกท.ต่อ แม้เกษียณมิ.ย.นี้

รมว.ท่องเที่ยวอยากให้ 'สกล' นั่งผู้ว่าฯกกท.ต่อ แม้เกษียณมิ.ย.นี้

"วีระศักดิ์" รมว.ท่องเที่ยวฯ อยากให้ "สกล" นั่งผู้ว่าฯกกท.ต่อ แม้เกษียณมิ.ย.นี้ เผยให้อยู่ช่วยบริหารสัญญาการจัดโมโตจีพีปีแรกให้เรียบร้อยก่อน

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ตนยังไม่ได้หารือกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ด กกท. ในประเด็นของ “บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท. ) ที่กำลังจะหมดสัญญาจ้าง และเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 มิ.ย.2561 ว่าจะต้องทำอย่างไร

 อย่างไรก็ตาม ถ้ามีโอกาส ก็จะหารือกับ พล.อ.ประวิตร เพื่อนำเสนอประเด็นสำคัญว่า จะเป็นการดีกว่าหรือไม่ หากให้นายสกล ได้ทำหน้าที่ต่อ หลังเกษียณอายุราชการ เนื่องจากงานใหญ่อย่าง โมโตจีพี ในเดือน ต.ค.นี้ ยังขาดคนมาเชื่อมกับทุก ๆ ฝ่าย 

“ไม่ใช่แค่นายสกล ซึ่งเป็นคนที่ไปประสานงานกับดอร์นา สปอร์ต จนไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดโมโตจีพี 3 ปี ที่จะต้องเกษียณอายุราชการไป นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจ.บุรีรัมย์ เจ้าของพื้นที่แข่งขันโมโตจีพี ก็จะเกษียณอายุราชการ ในเดือน ก.ย.นี้ อีกด้วย  ขณะที่ผมก็เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรี ไม่กี่เดือน ทำให้คนที่จะประสานทุกด้าน แทบจะไม่เหลือ จึงมองว่า หากนายสกล ได้ทำหน้าที่ต่อไปอีกระยะ ก็น่าจะเป็นเรื่องดี ส่วนจะเป็นวิธีการใดที่จะทำให้นายสกล ได้ทำงานต่อ ยังต้องศึกษาข้อกฎหมายต่อไป” นายวีระศักดิ์ กล่าว 

รมต.กีฬา กล่าวต่ออีกว่า สำหรับกระบวนการสรรหาผู้ว่าการกกท. ที่ในเวลานี้บอร์ดกกท. ได้ตั้งแต่คณะกรรมการขึ้นมาแล้ว  ก็สามารถดำเนินการควบคู่กันไปได้  แต่กว่ากระบวนการสรรหาผู้ว่าการกกท.คนใหม่ จะเสร็จส้ิน คงต้องใช้เวลาอีกนาน และอาจจะไม่ทันโมโตจีพี ในเดือนต.ค.นี้  ดังนั้นถ้าได้นายสกล มาขัดตาทัพไปก่อน ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียว 

ในขณะที่ “บิ๊กเสือ” นายสกล กล่าวว่า ในเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่จะพิจารณาอย่างไร แต่เชื่อว่าเหตุผลที่ “รมต.กีฬา” ออกมาระบุเช่นนี้ น่าจะเป็นเพราะต้องการให้ตน ที่ไปลงนามจัดโมโตจีพี ตั้งแต่แรก ได้เข้ามาช่วยบริหารสัญญาการจัดงาน ทั้งในด้านต่างประเทศ กับ ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของสิทธิ์ และในประเทศ กับ บริษัทบุรีรัมย์ฯ ให้เรียบร้อยในปีแรก ผ่านพ้นไปก่อน เนื่องจากหากการบริหารสัญญาไม่ดี ก็จะเกิดผลเสียตามมาหลายด้าน

"เดิมรัฐบาล สนับสนุนการจัดการแข่งขันปีละ 100 ล้านบาท และที่เหลืออีก 200 ล้านบาท เป็นของเอกชน ที่จะเข้ามาร่วมกันสนับสนุน แต่ถ้ากรณีเอกชน เข้ามาสนับสนุนไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ และรัฐบาล ต้องสนับสนุนเพิ่ม หรือโดยรวม ๆ แล้วเราไม่สามารถหางบประมาณได้ปีละ 300 ล้านบาทในการจัด ก็จะส่งผลกระทบต่อสัญญาที่ไปลงนามไว้ ถือเป็นผลเสีย และอาจจะมีการฟ้องร้องกันตามมาในภายหลังได้” นายสกล กล่าว