ชี้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซัดโครงการรบ.ปมทุจริตสูง

ชี้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซัดโครงการรบ.ปมทุจริตสูง

วงเสวนาวิชาการ ชี้ไทยปัญหาความเหลื่อมล้ำ "เกียรติ" ซัดโครงการรัฐบาลทำโกงสูง ด้าน "ธีระชัย" ชี้คอรัปชันเกิดจากอภิสิทธิ์ชนต้องให้ปชช.ร่วมถ่วงดุล

เมื่อวันที่ 9 มี.ค.61 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โครงการสร้างคนดี มองการณ์ไกล ไทยรุ่งเรือง มูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว ร่วมกับเครือข่ายประชาชน จัดงานเสวนา เรื่อง"มองการณ์ไกลประเทศไทย ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมทางสังคมและการผูกขาดเศรษฐกิจ" มีผู้ร่วมเสวนา คือ นายชัชวาลย์ พริ้งพวงแก้ว ผู้อำนวยการโครงการสร้างคนดี มองการณ์ไกล ไทยรุ่งเรือง นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายปรีดา เตี๊ยสุวรรณ์ นักธุรกิจระหว่างประเทศ ดำเนินรายการโดยนายเมธา มาสขาว

โดยนายเกียรติ กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำ3 ปีที่ผ่านมาสูงขึ้นกับคนไทย โดยเฉพาะในต่างจังหวัดทุกพื้นที่รายได้หายไปกว่าครึ่ง สะท้อนให้เห็นว่า มีปัญหาในระบบเศรษฐกิจ สิ่งที่ทำให้มีความเหลื่อมล้ำมากขึ้น คือ 1.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ตีความกฎหมาย ในลักษณะที่ไม่เป็นธรรม 2.นโยบายรัฐต่อการกระจายรายได้ ผูกขาด เอื้อผลประโยชน์กลุ่มทุน และมีแต่นโยบายปูพรมอย่างเดียวซึ่งสร้างปัญหาและไม่ได้มีการแก้ไข การไม่มีนโยบาย ที่จะไปดูแลกลุ่มด้อยโอกาส รายได้น้อย เกษตรกรทั้งประเทศ สร้างความเหลื่อมล้ำมากขึ้น

ทั้งนี้ปัญหาคอรัปชั่นมากขึ้น เช่น โครงการไทยนิยม มีการกำหนดงบไว้ก่อน แต่โครงการคืออะไรสอดคล้องกับกลุ่มที่จะต้องการช่วยเหลือหรือไม่ จึงมีโอกาสคอรัปชั่นสูง บอกว่าเป็นโครงการส่งเสริมให้ความรู้และการมีส่วนร่วม งบหมื่นล้าน หากไปดูในเนื้อหา เป็นการจัดอบรม แต่ต้องเลี้ยงอาหารทุกคนที่มา หากไม่มีเลี้ยงอาหาร จะเบิกเงินส่วนอื่นไมได้ โครงการประชารัฐ มีการยกเว้นพ.รบ.จัดซื้อจัดจ้าง ถามว่าทำไมต้องเร็วขนาดนั้นและไม่ใช่กรณีเร่งด่วน ซึ่งมีหลายอันยกเว้น เป็นโครงการเอื้อกลุ่มทุน

"ไม่มีนโยบายช่วยเหลือภาคเกษตรผู้มีรายได้น้อย 3 ปีที่ผ่านมา ข้าว ข้าวโพด มัน ยาง ปาล์ม ราคาตก เพราะไม่มีนโยบาย ที่เป็นรูปธรรมที่หยั่งยืน ราคาพืชผลตกภายในประเทศ แต่ไม่ได้ตกในต่างประเทศ มีแต่ขาใหญ่ได้ประโยชน์ สร้างความเหลื่อมล้ำ เอื้อกลุ่มทุน นโยบายเศรษฐกิจแบบนี้ และยังมีนโยบายแข่งขันไม่เป็นธรรมแน่นอน อาทิ น้ำมัน ก๊าซ พลังงานทดแทน มีปัญาหมด ถูกบิดเบือนตั้งแต่ต้นทางไปถึงปลายทาง ยิ่งสร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้น" นายเกียรติ กล่าว

นอกจากนี้นโยบายEECตนไม่ขัดแย้งแนวคิดที่จะพัฒนา แต่ต้องไปดูในเนื้อหาว่าจะทำอะไร ซึ่งดูเนื้อในแล้วตกใจ เพราะสร้างความเหลื่อมล้ำต่างประเทศกับไทยเพิ่มขึ้นยกเว้นภาษีเงินได้ ส่วนบุคคลต่างประเทศที่เข้ามาทำงาน นโยบายนี้ น่าจะเป็นประเทศแรก ถ้าเป็นลักษณะนี้ ต้องได้รับการยกว้นทุกคน คนคิดนโยบายนี้ ไม่เข้าใจระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง อยากให้รัฐบาลให้ความจริงกับประชาชนดีที่สุดอย่าพีอาร์จนเวอร์ รัฐบาลที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จขนาดนี้ น่าจะแก้ปัญหาได้ ทั้งเรื่องหนี้นอกระบบ เพราะมีคนเป็นหนี้นอกระบบถึง 17 ล้านคนแต่แก้ปัญหาได้เพียง 1 แสนคน ถือว่าล้มเหลว ปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น

ส่วนปัญหาคอรัปชัน เกิดเพราะเงินกระจุกตัวอยู่กับผู้ที่คอรัปชั่น หากเงินจะไม่กระจาย .คอรัปชันจะมากและความเหลื่อมล้ำจะมาก ปีที่แล้วตัวเลขดัชนีคอรัปชั่นสูงขึ้น แต่ไม่เห็นรัฐบาลมีปฎิกิริยา ในเรื่องนี้ ยิ่งโกงมากความเหลื่อมล้ำยิ่งสูงและเรื่องอือฉาวในปีที่ผ่านมามีเยอะ ทั้งเรื่องนาฬิกา ค่าหัวคิว อ่างอบนวด โกงเงินคนจน ถ้าทำอยู่อย่างนี้ ไม่มีทางแก้ปัญหา เลิกนโยบายปูพรม อย่าใช้ม.44 พรำเพื่อ ไม่ต้องกลัวเสียหน้า ไม่ทำเพื่อกลุ่มทุน ปัญหาแก้ไม่ได้ด้วยคำพูด ต้องแก้ด้วยระบบ ด้วยการกระทำ คอรัปชั่นจะลดได้ด้วยการตรวจสอบถ่วงดุล ไม่ใช่เพิ่มโทษในกฎหมาย

ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ต้องให้ความสนใจ กลุ่มแรงงาน และชุมชนเกษตรกร ช่วยทำให้ฐานะดีขึ้น วันนี้ 2 กลุ่มฐานะยังไม่ค่อยดี ปัญหาความเหลื่อล้ำเป็นปัญหาที่หนัก และโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ไม่เอื้ออำนวยให้กระจายรายได้ ต้องให้อำนาจต่อรองของฝ่ายนี้เพิ่มขึ้น และที่ผ่านมาไม่ช่วยแก้ปัญหาแม้ตัวเลขจะดี แต่ไม่ลงไปข้างล่าง

ทั้งนี้มีวิธีแก้ 2 วิธี คือ ช่วยรายได้ ช่วยรายจ่าย ที่ผ่านนโยบาย เน้นช่วยรายได้ เพราะทำง่าย ทำแล้วเกิดความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ แจกเงิน เข้าไปช่วยเรื่องราคาสินค้า รับซื้อประกัน จำนำ ซึ่งวิธีนี้ตนว่าต้องจำกัดให้แคบ เพราะช่วยแล้ว จะรั่วไหล ส่วนลดรายจ่าย ที่ผ่านมาลดรายจ่ายประจำวัน เช่น รถเมล์ เรียนฟรี ประกันสุขภาพ ซึ่งวิธีแก้จริง ๆ ต้องลดต้นทุนให้กับชุมชนเกษตรกร จะเป็นความบยั่งยืนถาวรมากกว่า ซึ่งขณะนี้แนวนโยบาย ประชานิยมไปผิดทาง ต้องปรับปรุงทำให้ชุมชนเกษตรกร มีชีวิตให้ดีขึ้นสะดวกขึ้น

อย่างไรก็ตามปัญหาความไม่เป็นธรรมทางสังคม เกิดจากอภิสิทธิ์ชน เป็นคอรัปชันเชิงปฎิบัติการ วิธีแก้คือ เอาประชาชนเข้ามาร่วม ในการตรวจสอบติดตาม การถ่วงดุลต้องเอาประชาชนเข้าไป หากรัฐบาลยึดหลัก รัฐบาลโปร่งใส จะควบคุมอยู่ และปัญหาความเหลื่อมล้ำจะลดลง

นายปรีดา กล่าวว่า ปัญหาประเทศไทยรุนแรงขึ้นไปทุกที่ และวันแก้ปัญหาน้อยลงไปทุกที หากดูจากตัวเลขประชากรแล้ว ในปี 2550 ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ล้มเหลว ด้วยจำนวนประชากร ซึ่งหากจะให้แก้ปัญหาโดยให้คนไทยผลิตลูกคงเป็นเรื่องยาก จึงต้องใช้วิธี ที่ให้คนต่างชาติเข้ามา เช่น ลาว เขมร พม่า และให้สัญชาติ เพราะเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมไม่ต่างกัน และเราก็เก็บภาษีจากคนเหล่านี้ จะสามารถช่วยได้

ส่วนที่ไทยเป็นประเทศที่มีการกระจายรายได้จากรัฐบาลน้อย เป็นอันดับที่ 3 ตนไม่เข้าใจ เพราะประเทศอย่าง รัสเซีย ที่มีทรัพยากรใต้ดินเยอะ หรือ อินเดีย ที่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะพอเข้าใจได้ แต่ประเทศไทย เป็นประเทศเสรีประชาธิปไตย ซึ่งปัญหาคือความเหลื่อมล้ำ เพราะมีคนมีอำนาจที่จะเข้าถึง อำนาจรัฐ อำนาจศาล อำนาจในการบริหารทรัพยากรเพียงแค่ 1 % ส่วนอีก 99 % เป็นมนุษย์เงินเดือน แทบไม่มีโอกาสจะเข้าถึงอำนาจได้เลย ถูกปิดกั้นโดยคนจำนวน 1% ที่มาปกครองประเทศ ซึ่งวิธีการแก้ไข การเหลื่อมล้ำแบบนี้ ต้องให้คนไทย มีความรู้สึกว่าพวกเขาเป็นเจ้าของประเทศ ประเทศนี้มีโอกาส ทำให้เขามีความหวัง ทำให้เขามีสิทธิมีเสียง

นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมในสังคม เป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็นที่จะเข้าไปแก้ไข แต่ก็มั่นใจว่า ไม่ยากที่จะแก้ไข บ้านเมืองเรามีการบริหารประเทศ แบบบนลงล่าง ประชาชนไม่มีโอกาส มีการบริหารแบบสั่งการ จึงถือว่าเป็นจุดเสื่อม ซึ่งรัฐบาลนี้ควรอยู่ต่อไปหรือไม่ เพราะหัวหน้ารัฐบาลไม่มีวิสัยทัศน์ทางด้านเศรษฐกิจเลยหรือแม้กระทั่งทีมเศรษฐกิจเอง และไม่มีกฎหมายช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส วัตถุดิบต่าง ๆของโครงการแสนล้านจะเอามาจากไหนและโครงการที่เกิดขึ้นใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งมีคำถามว่า ล้วนเป็นโครงการที่เร่งด่วน เพราะอะไร จะมีการเลือกตั้งหรือเป็นการทิ้งทวน จากการลงพื้นที่สำรวจความต้องการของประชาชน ประชาชนเรียกร้อง ต้องการผู้นำที่เป็นคนดีมาบริหารบ้านเมืองและอยากให้ปราบคอรัปชันให้ได้และวิธีการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำคือ คนด้อยโอกาส ต้องหัดปีนป่ายและคนที่มีโอกาสต้องน้อมตัวลงมาด้วย