SSP - ซื้อ

SSP - ซื้อ

คาดกำไรปี 61 เติบโต 37% จากการเริ่ม COD โรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

Ø SSP ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีแผนการเติบโตชัดเจน : บริษัทถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยมีธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ (ญี่ปุ่นและมองโกเลีย)  ปัจจุบันโรงไฟฟ้าทุกโครงการเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดแบ่งเป็น โครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว 2 โครงการ(โครงการเสริมสร้างโซลาร์ จ.ลพบุรี,โครงการฮิดะกะ)มีกำลังการผลิตรวม 73 MW เสนอขายไฟตามสัญญาทั้งสิ้น 57 MW มีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้น 7 โครงการ มีกำลังการผลิตรวม 51.9 MW เสนอขายไฟตามสัญญาทั้งสิ้น 45.5 MW (โครงการยามากะ โครงการโซลาร์รูฟทอป SNNP1 SNNP2โครงการโซลาร์ อผศ. จังหวัดราชบุรี โครงการโซเอ็น โครงการ Khunshight Kundi และโครงการโซลาร์รูฟทอปดูโฮม) และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาขั้นต้น 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 52.5 MW เสนอขายไฟตามสัญญาทั้งสิ้น 40 MW (โครงการยามากะ2 และโครงการลีโอ) สามารถดูรายละเอียดของแต่ละโครงการได้ในตารางที่ 2, 3

Ø การแสวงหาโอกาสใหม่ๆในประเทศมองโกเลีย : ปัจจุบันบริษัทได้ศึกษาการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศมองโกเลีย (โครงการ Khunshight Kundi) ถือหุ้นในสัดส่วน 75% มีพันธมิตรญี่ปุ่นถือหุ้นสัดส่วน 10% มองโกเลียถือหุ้น 15% ใช้งบประมาณในการลงทุนตั้งต้นรวม 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีกำลังการผลิตติดตั้ง 16.4 MW มีกำลังการผลิตตามสัญญา 15 MW ซื้อขายไฟฟ้ากับหน่วยงานภาครัฐของมองโกเลียโครงสร้างค่าไฟแบบ  FIT 0.162 เหรียญสหรัฐ/กิโลวัตต์-ชั่วโมง (SCOD 1Q62) โดยประเทศมองโกเลียถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพอย่างมากทางด้านพลังงาน มีทรัพยากรอาทิ ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานแสงอาทิตย์ ฝ่ายวิจัยมองว่าการเริ่มเข้าไปในมองโกเลียถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในการขยายในธุรกิจเนื่องจากมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าในประเทศเพิ่มขึ้นสูงกว่ากำลังการผลิตในประเทศ  ส่งผลให้รัฐบาลจำเป็นต้องมีการนำเข้าพลังงานจากประเทศจีนและรัสเซีย  และมีนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน อย่างไรก็ตามยังคงมีความท้าทายเนื่องจากจุดในการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองและยังไม่ได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากภาครัฐเท่าที่ควร (ที่มา : กระทรวงพลังงาน ประเทศมองโกเลีย)

Ø กำไรสุทธิปี60 ลดลง 24% YoY เนื่องจากมีค่าก่อสร้างโครงการใหม่ที่ยังไม่สร้างรายได้: ในปี 60 มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า 872 ลบ.เพิ่มขึ้น 0.5%YoY และมีกำไรสุทธิ 340 ลบ. ลดลง 24%YoY แต่ถ้าไม่พิจารณาผลจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง(Unrealized FX gain/(loss)) จะได้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติปี 60 อยู่ที่ 413 ลบ. เทียบกับปี 59 อยู่ที่ 468 ลดลง 11.7%YoY เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและพัฒนาโครงการ มีค่าใช้จ่ายทางการเงิน และมีการว่าจ้างผู้บริหารและพนักงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

Ø คาดกำไรปี 61 เติบโต 37% จากการเริ่ม COD โรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น : คาดผลประกอบการในปี 61 จะมีการรับรู้รายได้โครงการฮิดากะ(COD 1Q61) SNNP1,2 (SCOD 1Q61) , โซลาร์ อผศ.(SCOD 4Q61) โครงการโซเอ็น(SCOD  4Q61)  โครงการโซล่าร์รูฟท็อปกับบริษัทดูโฮม(SCOD 3Q61)  ส่งผลให้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการขายไฟ 1149 ลบ.เติบโต 31% คาดกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ
ปี61 อยู่ที่ 464 ลบ. เติบโต 37%YoY  และ อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงจาก 81% ในปี60 เหลือ 77 % ในปี 61 เนื่องจากโครงการที่ญี่ปุ่นมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า

Ø  เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 10.50 บาทสำหรับปี 61 : เราประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี DCF ใช้สมมติฐาน WACC 3.77% (ดูรายละเอียดสมมติฐานได้ในตารางที่ 1) และTerminal Growth = 0 ได้ราคาเหมาะสมที่ 10.50 บาท (ราคานี้ยังไม่รวมโครงการKhunshight Kundi ในประเทศมองโกเลีย) มี Upside ราว 37% จากราคาปัจจุบัน จึงเริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อ”