ปธ.บอร์ดตรวจสอบไอเฟค ประกาศยืนข้างรายย่อย

ปธ.บอร์ดตรวจสอบไอเฟค ประกาศยืนข้างรายย่อย

“บุญเลิศ แจ้งนพรัตน์” ประกาศยืนข้างผู้ถือหุ้นรายย่อย เตรียมตั้งโต๊ะแถลงข้อมูลลับ หลังตรวจพบความไม่โปร่งใสภายใน

ความเคลื่อนไหวบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. )กล่าวโทษเพิ่มเติมนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการบริษัทต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กรณีกระทำการทุจริตจากการเลือกตั้งกรรมการและทุจริตไม่เปิดเผยข้อมูลผิดนัดชำระตั๋วเงินบี/อี


พร้อมทั้งก.ล.ต.ให้คณะกรรมการบริษัท ดำเนินการแก้ไขปัญหาของบริษัทด้วยการชี้แจงเป็นรายบุคคลภายในวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทขอขยายระยะเวลาชี้แจงไปเป็น 20 มี.ค. 2561


ล่าสุดพันเอกบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ ประธานกรรมการตรวจสอบไอเฟค ประกาศยืนเคียงข้างผู้ถือหุ้นรายย่อย แม้ตัวเองจะเป็นกรรมการที่นายวิชัย แต่งตั้งเข้ามา และเตรียมที่จะเปิดเผยข้อมูลสำคัญของบริษัทต่อสาธารณชนในเร็วๆนี้


พันเอกบุญเลิศ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลของไอเฟค พบว่ามีข้อมูลที่อาจจะแสดงถึงความไม่โปร่งใสในการบริหารงาน แต่จะเป็นเรื่องอะไรและมีรายละเอียดอะไรบ้างนั้นขอเวลาเพื่อปรึกษากับทางทนายเพื่อจะเปิดเผยข้อมูลให้กับประชาชนได้รับทราบภายใน 2 วัน
“แม้ว่าผมจะเป็นกรรมการที่นายวิชัย แต่งตั้งขึ้นมา แต่ก็เป็นทหารด้วย หากจะออกจากบริษัทต้องเป็นไปอย่างสง่างามไม่ใช่เสียงบ่น ด่า ของผู้ที่เกี่ยวข้อง”


ส่วนกรณีการจัดการประชุมผู้ถือหุ้นนั้นพันเอกบุญเลิศ ตอบเพียงแต่ว่า ในฐานะที่เป็นทหาร ทำงานในสนามรบตนจะไม่ทิ้งประชาชน (ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และเจ้าหนี้) ซึ่งทุกวันนี้ทุกคนได้รับความสูญเสีย อาจจะได้รับบาดเจ็บ แต่สุดท้ายทำให้ทุกคนมีความสุขให้ได้ ให้รอฟังข่าวภายในไม่กี่วันที่จะมีการชี้แจงออกมา


“ผมเป็นทหารย่อมอยู่ข้างประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้น หรือ เจ้าหนี้ ซึ่งแนวทางแก้ไขปัญหาของบริษัทจะเป็นไปในทางบวก แต่ขอให้รอไม่กี่วันที่จะมีการเปิดเผยออกมา”


ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยรวมตัวกันเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อยื่นหนังสือให้ ปอศ. เรียกร้องตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส ของนายวิชัย และกรรมการ พร้อมตั้งข้อสังเกตค่าที่ปรึกษาเดือน ธ.ค. 2560 สูงมากถึง 93 ล้านบาท และยังมีรายการอื่นจนทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าวเงินหายไปจากบริษัท 161 ล้านบาท


พร้อมทั้งยังเรียกร้องให้บริษัทจัดประชุมผู้ถือหุ้นให้เร็วที่สุด เพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้หลังจากถูกหยุดพักการซื้อขาย (SP) มานานกว่า 12 เดือน ทั้งนี้ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รับการสนับสนุนจาก นายทวิช เตชะนาวากุล ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 ที่ 10.03 % และนายอนันต์ ตันตสิรินทร์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 4 ที่ 2.54 %