(สกูป) “ดาวิเด อัสตอรี”ปราการเหล็กผู้ล่วงลับแห่งวิโอลา

(สกูป) “ดาวิเด อัสตอรี”ปราการเหล็กผู้ล่วงลับแห่งวิโอลา

เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4 มี.ค.) เกิดข่าวเศร้าของวงการฟุตบอลอิตาเลียน นั่นก็คือ การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ ดาวิเด อัสตอรี กองหลังกัปตันทีมฟิออเรนตินา

     โดยตามรายงานระบุว่าดาวเตะวัย 31 ปีรายนี้ เดินทางไปพักที่โรงแรมใน อูดิเนเซ เพื่อลงเล่นในเกมลีก แต่กลับถูกพบว่าเจ้าตัวนอนเสียชีวิตอยู่ในห้องพักเมื่อช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่น ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นคาดว่าเกิดจากการที่หัวใจหยุดเต้นอย่างเฉียบพลัน
      หลังเหตุเศร้า “ม่วงมหากาฬ” ต้นสังกัดออกมาแถลงการณ์ในกรณีดังกล่าวว่า “ฟิออเรนตินา เสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องประกาศว่า ดาวิเด อัสตอรี กัปตันทีมของเราเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ด้วยความเคารพที่มีต่อครอบครัวของเขากับเหตุการณ์อันน่าเศร้านี้ เราจึงขอวิงวอนให้สื่อเห็นแก่ความรู้สึกของทุกคนด้วย” นอกจากนั้นจากความสูญเสียดังกล่าวยังทำให้เกมกัลโช่ เซเรีย อา ที่จะแข่งขันในคืนดังกล่าวทั้ง 7 คู่ถูกยกเลิกทั้งหมดเพื่อเป็นการไว้อาลัยด้วย
     สำหรับ อัสตอรี ถือเป็นหนึ่งปราการหลังชาวอิตาเลียนที่มีชื่อเสียงพอสมควร โดยเขาไต่เต้าจากการเป็นนักเตะของทีมใน เซเรีย ดี จนกลายเป็นกัปตันทีมของหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดในแดนมะกะโรนีได้อย่างสมภาคภูมิ

ขวัญใจทีมชาวเกาะ
   สำหรับ อัสตอรี เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกกับทีมเยาวชนของทีม พอนติโซลา ทีมในระดับเซเรีย ดี ของอิตาลี ก่อนจะฉายแววจนทำให้ เอซี มิลาน ทีมยักษ์ใหญ่ของลีกเซเรีย อา ดึงตัวไปร่วมทีมเมื่อปี 2011
    ถึงกระนั้นหลังเจ้าตัวบ่มเพาะฝีเท้าอยู่ในทีมเยาวชนของทีม “ปีศาจแดงดำ” อยู่เป็นเวลา 5 ปี เขาก็ยังไม่สามารถขึ้นไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ได้ จนส่งผลให้ อัสตอรี ต้องย้ายไปอยู่กับทีม ปิซซิเกทโตเน และ เครโมเนเซ ใน เซเรีย ซี เมื่อฤดูกาล 2006-07 และ 2007-08 ตามลำดับ
     และด้วยฟอร์มอันเตะตา ทำให้ในปี 2009 กายารี ยื่นข้อเสนอเพื่อดึงตัวกองหลังรายนี้ไปร่วมทัพ โดยเป็นการครองสัญญาร่วมกันกับ เอซี มิลาน   อดีตต้นสังกัดเดิม ซึ่งในซีซั่นแรกของเจ้าตัว เขาก็ได้รับโอกาสให้ลงสนามเป็นตัวจริงแทนที่ของ ดีเอโก โลเปซ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักที่ย้ายออกจากทีมไป พร้อมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการลงสนามไป 34 เกม ทำไป 2 ประตู จนมีข่าวว่า “ปีศาจแดงดำ” จะดึงตัวกลับไปร่วมทัพ
    อย่างไรก็ตาม อัสตอรี ก็ยังอยู่กับ กายารี ต่อไปอีก 2 ซีซั่น จนกระทั่งทีม “ชาวเกาะ” ยอมจ่ายเงินจำนวน 3.5 ล้านยูโร (ราว 133 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัวแข้งรายนี้มาอยู่กับทีมแบบ 100 เปอร์เซนต์ ซึ่งเจ้าตัวก็ทุ่มเทให้กับทีมมาโดยตลอด และขึ้นมาเป็นกัปตันทีมในเวลาต่อมา พร้อมได้ติดทีมชาติอิตาลี เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2011 อีกด้วย
    จนในปี 2012 สปาร์ตัก มอสโก ทีมดังจากรัสเซีย ยื่นข้อเสนอจำนวน 15 ล้านยูโร (ราว 570 ล้านบาท) หวังจะเซ็นสัญญาให้ อัสตอรี ไปอุดแนวรับ ซึ่งทั้ง 2 สโมสรก็สามารถตกลงกันได้แล้ว ทว่าเจ้าตัวกลับเลือกอยู่กับทีมต่อไป เนื่องจากต้องการช่วยต้นสังกัดหนีการตกชั้น ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลของ กายารี ทุกคนจนถึงปัจจุบัน

สู่ผู้นำแห่ง“ม่วงมหากาฬ”
     หลังจากค้าแข้งกับ กายารี มาถึง 8 ซีซั่น พร้อมลงสนามให้ทีมไป 178 นัด สุดท้ายแล้ว อัสตอรี ก็ย้ายไปอยู่กับ อาแอส โรมา ด้วยสัญญายืมตัวเมื่อปี 2014 แต่ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ จนสุดท้ายทีม “หมาป่ากรุงโรม” ไม่ซื้อขาด และส่งตัวกลับให้ทีม “ชาวเกาะ”
    และในซีซั่นต่อมา อัสตอรี ย้ายไปร่วมทีม ฟิออเรนตินา แบบยืมตัวอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการประสานงานกับ กอนซาโล่ โรดริเกวซ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ พร้อมช่วยให้ทีมจบฤดูกาลในอันดับ 5 ของศึกกัลโช เซเรีย อา โดยลงสนามให้ทีมไปทั้งสิ้นถึง 33 เกม
     จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมจึงไม่ใช่เรื่องยากที่ “ม่วงมหากาฬ” จะดึงตัว อัสตอรี ในวัย 29 ปีมาร่วมทีมแบบถาวร และเขาก็ช่วยให้ทีมจบอันดับที่ 8 ในลีก รวมถึงผ่านเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของฟุตบอลโคปปา อิตาเลีย
    มาถึงในฤดูกาลนี้ อัสตอรี ที่ลงเล่นให้ทีมมาอย่างยาวนานพอสมควร และด้วยประสบการณ์ในวงการลูกหนังอย่างโชกโชน ก็ส่งผลให้กุนซือ สเตฟาโน ปิโอลี ตัดสินใจมอบตำแหน่งกัปตันทีมคนใหม่ของทีม “วิโอลา” และลงเล่นไปถึง 27 เกม นอกจากนั้นยังมีรายงานเพิ่มอีกว่า ฟิออเรนตินา เตรียมจะต่อสัญญาฉบับใหม่ให้กับ อัสตอรี ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (5 มี.ค.) อีกด้วย แต่โชคร้ายที่เกิดเรื่องเศร้าขึ้นเสียก่อน

คำอำลาจากคนในวงการลูกหนัง
    หลังการเสียชีวิตของแข้งรายนี้ บรรดาคนดังในโลกลูกหนังต่างออกมาแสดงความเสียใจถึงการจากไปของ อัสตอรี อย่างสุดซึ้ง เริ่มจาก จิอันลุนจิ บุฟฟอน ผู้รักษาประตูของ ยูเวนตุส ผู้เคยเล่นทีมชาติร่วมกับดาวเตะวัย 31 ปี ระบุว่า “ลูกสาวของคุณควรจะได้รับรู้ว่าคุณพ่อของเขาควรได้รับเกียรติมากแค่ไหน และเขาคือคนที่สมบูรณ์แบบ รวมถึงเคารพผู้อื่นเสมอ นอกจากนั้นเขาคือหนึ่งในนักกีฬาที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จัก”
    เช่นเดียวกับ โรแบร์โต มันชินี อดีตผู้จัดการทีมของ ฟิออเรนตินา “ผมเรียนรู้ถึงความเจ็บปวดอย่างมากจากการสูญเสียของ อัสตอรี ซึ่งผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเขาด้วย”
    ด้าน เอซี มิลาน อดีตต้นสังกัดของ อัสตอรี ออกมาแถลงการณ์ว่า “อัสตอรี คือชายที่รักฟุตบอลอย่างมาก และเติบโตมาพร้อมกับเรา ซึ่งทางสโมสร เอซี มิลาน รู้สึกสะเทือนใจอย่างมากกับการจากไปของเขา และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเขา และ ฟิออเรนตินา กับการจากไปครั้งนี้”
    รวมไปถึง คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ อดีตกองกลางของ เอซี มิลาน ก็ออกมาระบุว่า “ชีวิตเป็นสิ่งล้ำค่า และเราต้องสนุกกับมันทุกวัน ผมขอส่งความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปให้กับครอบครัวของ อัสตอรี และขอขอบคุณเขาที่เป็นคู่ต่อสู้ในสนามที่ดีเสมอ ขอให้คุณไปสู่สุคติ”
     

     ทั้งหมดที่กล่าวมาคือประวัติคร่าวๆในชีวิตการค้าแข้งของ อัสตอรี อีกหนึ่งกองหลังชื่อก้องชาวอิตาเลียน ซึ่งเชื่อว่าแม้ตัวของเขาจะจากไป แต่ชื่อเสียง และผลงานของเจ้าตัวจะอยู่ในใจของแฟนบอลทั่วโลกเสมอไปอย่างแน่นอน