'ธาริต'ขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตฯสู้คดี157 'สุเทพ'ชี้ลุแก่อำนาจ

'ธาริต'ขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตฯสู้คดี157 'สุเทพ'ชี้ลุแก่อำนาจ

อดีตอธิบดีDSI "ธาริต" ให้การปฏิเสธ-สู้คดีอายัดบัญชี กปปส. มิชอบ ศาลให้สืบพยาน 2 ฝ่าย 15 นัด ก.ค.-พ.ย.นี้ "สุเทพ" ย้ำลุแก่อำนาจออกหมายเรียกแกนนำกปปส.ในข้อหาเป็นกบฏ

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาวันที่ 5 มี.ค.61ศาลพร้อมนัดสอบคำให้การจำเลยและกำหนดวันนัดพิจารณา คดีหมายเลขดำ อท.101-103 และ อท.214 /2559 รวม 4 สำนวนพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. , นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตโฆษก กปปส. , นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำ พธม.แนวร่วม กปปส. ,นายไพบูลย์ นิติตะวัน ซึ่งเคยร่วม กปปส. และ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก อดีตแนวร่วม พธม.เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อายุ 60 ปี อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

จากกรณีที่นายธาริต ขณะดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีดีเอสไอ แล้วระหว่างนั้นปี 2556 ได้ทำการอายัดบัญชีของแกนนำ กปปส. ในกรณีถูกกล่าวหากระทำผิดอาญาคดีชุมนุมทางการเมือง โดยมิชอบ ไม่ตรวจสอบแต่ละบัญชี ให้รอบคอบว่าเป็นการผิดกฎหมายหรือไม่ โดยโจทก์เห็นว่าเป็นการอายัดบัญชีแบบเหวี่ยงแห โดยคดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 ม.ค.61 ให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา เนื่องจากเห็นว่าคดีมีมูล

ขณะวันนี้ นายสุเทพ โจทก์ ก็เดินทางมาพร้อมกับนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เพื่อร่วมกระบวนพิจารณา ส่วนนายธาริต อดีตอธิบดีดีเอสไอ จำเลย ก็เดินทางมาศาลพร้อมสอบคำให้การจำเลย ซึ่งนายธาริต อดีต อธ.ดีเอสไอ จำเลย ให้การ ปฏิเสธต่อสู้คดี ศาลจึงกำหนดนัดตรวจหลักฐานคดีในวันที่ 20 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น.

ที้งนี้นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของนายสุเทพ เปิดเผยว่า เมื่อสอบคำให้การจำเลยแล้ว ศาลก็กำหนดให้โจทก์-จำเลย นำสืบพยานรวม 15 นัด เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค. ต่อเนื่องถึงเดือน พ.ย.นี้ โดยเริ่มพยานโจทก์นัดแรก วันที่ 31 ก.ค.นี้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ศาลนัดจำเลยมาสอบคำให้การในคดีที่ตนเป็นโจทก์ร่วมกับแกนนำ กปปส. ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ สมัยเป็นอธิบดีดีเอสไอ ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฎหมายในการอายัดบัญชีเงินของ กปปส. ที่กำลังชุมนุมต่อสู้คัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งที่รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครองไว้ อายัดบัญชีพวกตนในฐานะแกนนำอย่างเหวี่ยงแหทุกคน โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าบัญชีมีความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่ไม่ถูกกฎหมายหรือไม่อย่างไร และลุแก่อำนาจออกหมายเรียกพวกตนในข้อหาเป็นกบฏ ทั้งที่ขณะนั้นยังไม่มีคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด แล้วยังให้สัมภาษณ์กล่าวหาว่าพวกตนเป็นกบฏทำให้เสียหายซึ่งพวกตนต่อสู้ด้วยความสงบปราศจากอาวุธ ทำหน้าที่ของประชาชนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม