อิ่มโอชาตำรับวังรื่นฤดี ในงานอุ่นไอรัก

อิ่มโอชาตำรับวังรื่นฤดี ในงานอุ่นไอรัก

“ที่จำได้ว่าเสด็จพระนางฯ ทรงใช้เวลาอยู่ในครัวเสมอ ก็เพราะตอนนั้นอายุสัก 6 ขวบเห็นจะได้ ครูที่โรงเรียนสั่งให้วาดรูปเหตุการณ์ที่ประทับใจเลยวาดรูปเสด็จพระนางฯ กำลังทรงทำอาหารอยู่ในครัว เป็นภาพที่จำได้ติดตา"

จากคำบอกของข้าราชบริพารรุ่นเล็กเมื่อครั้งประทับอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ในบรรดาขนมอบอย่างง่ายๆ ที่นิยมทำรับประทานคู่กับน้ำชาของชาวอังกฤษคือ ชอร์ตเบรด (Shortbread)

ด้วยส่วนผสมเพียงไม่กี่อย่างที่เรียบง่าย ผนวกกับเทคนิคในการปรุงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทำให้ช้อตเบรด สูตรของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ 6 ที่ทรงสร้างสรรค์สูตรนี้ เมื่อครั้งประทับอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ เป็นเครื่องเสวยกับพระสุธารสชาของ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จนเสด็จกลับมาประทับอยู่ ณ วังรื่นฤดี ก็ยังคงสืบทอดความอร่อยมาจนปัจจุบัน

ชอร์ตเบรด จากห้องเครื่องวังรื่นฤดี เป็นหนึ่งในรายการอาหารและผลิตภัณฑ์ของร้านมูลนิธิเพชรรัตน – สุวัทนา ในงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ณ ลานพระราชวังดุสิต ระหว่างวันที่ 8 กุมภาพันธ์ – 11 มีนาคม 2561

นอกจากชอร์ตเบรดแล้ว ยังมีผัดพริกขิงปลาดุกฟู น้ำพริกปลากุเรา แซนวิชไข่ แซนวิชทูน่า แซนวิชแฮมชีส น้ำปลาเสวย สับปะรดกวน ที่มีจำหน่ายทุกวันแล้วในแต่ละวันทางห้องเครื่องวังรื่นฤดีจัดปรุงอาหารพิเศษประจำวันที่สลับสับเปลี่ยนเมนูกันมา ได้แก่ แกงส้มมะละกอกุ้งปลาตะเพียนสาน แกงคั่วสับปะรดไข่แมงดา แกงขี้เหล็กคอหมูย่าง แกงลาวกับปูแป้นต้มกะทิ และ ปลาร้าทรงเครื่อง เป็นอาทิ

อิ่มเอม อิ่มตา อิ่มใจ

ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ เลขาธิการมูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา กล่าวถึงอาหารในห้องเครื่องวังรื่นฤดีว่า นอกจากเป็นอาหารที่อิ่มท้องแล้วยังต้องอิ่มตาและอิ่มใจไปด้วย ดั่งแกงส้มมะละกอกุ้งปลาตะเพียนสาน

“อาหารจานนี้มีที่มาจากแม่ (หม่อมหลวงต่อ ชุมสาย คุณข้าหลวงในพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี รัชกาลที่ 6 และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี) แม่เรียนทำอาหารมาจากสมเด็จพระนางฯ และเติบโตมาในครอบครัวที่ทำกับข้าว

เมื่อทำอาหารถวายเจ้านาย อยากให้อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจไปทุกอย่าง จากแกงส้มกุ้งใส่มะละกอธรรมดา นำมะละกอมาปอกเปลือกฝานเป็นเส้นยาวแค่คืบแล้วมาสานเป็นปลาตะเพียน เป็นของเสวยที่ใครเห็นก็มีความชื่นใจ”

ด้วยเหตุนี้ในวันที่ทางร้านมีแกงส้มมะละกอกุ้งปลาตะเพียนสาน เป็นอาหารพิเศษสำหรับจำหน่าย(นำกลับบ้านเท่านั้น) จึงได้จัดให้มีการสาธิตการสานปลาตะเพียนด้วยเส้นมะละกอให้ผู้เข้าชมได้ลงมือทำด้วย

สำหรับมะละกอที่นำมาสาน หลังจากปอกเปลือกแล้วให้ผ่าครึ่ง แล้วฝาเนื้อบางๆออกมาตามรอยตัดให้เป็นเส้นยาวราว 1 คืบ แล้วแช่น้ำเย็นใส่น้ำแข็งไว้ก่อนนำมาสานเพื่อให้เนื้อมะละกอมีความกรอบ และเป็นการล้างยางมะละกอที่หลงเหลืออยู่ออกไปด้วย เมื่อสานตามวิธีเดียวกันกับตะเพียนใบลานได้เป็นขนาดพอคำ นำไปต้มให้สุกแล้วพักไว้ เวลาเสิร์ฟจึงค่อยตักมาใส่ในน้ำแกง เนื้อมะละกอจะนุ่มพอดี

 ตำรับอาหารตามฤดูกาล

อาหารในห้องเครื่องวังรื่นฤดี มีหัวใจสำคัญคือการปรุงอาหารสดใหม่ที่มีตามฤดูกาล ท่านผู้หญิงบุตรี อธิบายว่า

“สมัยก่อนตู้เย็นไม่มี น้ำแข็งมีแล้วแต่ถ้าจะนำมาแช่ของก็ไม่คุ้มค่า น้ำแข็งเก็บเอาไว้รับประทานเย็นๆชื่นใจ แต่วัตถุดิบในการปรุงอาหารถ้ามีอะไรใช้ได้ในวันนั้น หรือเก็บไว้ได้ 2-3 วันก็จะใช้ อาหารส่วนใหญ่จึงปรุงมาจากวัตถุดิบที่ออกดอกออกผล ในช่วงเวลานั้น

เวลาสมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ เสด็จไปประทับ ณ ตำหนักพัชราลัย ที่หัวหิน ชาววังรื่นฤดีจะปรุงอาหารจากวัตถุดิบพื้นถิ่นขึ้นตั้งโต๊ะเสวย เช่น น้ำพริกปลากุเรา น้ำพริกมะขามเปียก ช่วงที่มีไข่แมงดา ทรงโปรดให้ทำแกงคั่วสับปะรดไข่แมงดา เพราะที่หัวหินมีสับปะรดเยอะ

แกงคั่วสับปะรดใส่ไข่แมงดา จึงเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ทำขึ้นโต๊ะเสวยเมื่อประทับหัวหิน และรับประทานกันในหมู่ผู้ตามเสด็จจนถึงปัจจุบัน”

นอกจากนี้ยังมีสับปะรดกวน ทอฟฟี่ที่กวนด้วนน้ำตาลโตนดเมืองเพชร ซึ่งทางห้องเครื่องได้นำมาจำหน่ายในงานอุ่นไอรัก คลายความหนาวในครั้งนี้ด้วย

 ผลิตภัณฑ์และของที่ระลึก

เนื่องด้วยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยราชการในพระองค์ จัดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทั้งนี้ รายได้ส่วนหนึ่ง จะได้โดยเสด็จพระราชกุศลในการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก

ทางร้านมูลนิธิเพชรรัตน – สุวัทนา จึงได้มุมถ่ายภาพที่ระลึกที่ได้ต้นแบบมาจากภาพถ่ายฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ร้านหลวง งานวัดเบญจมบพิตร ให้ประชาชนได้บันทึกภาพเป็นที่ระลึก โดยสามารถหยอดกระปุกทำบุญได้ตามอัธยาศัย

พร้อมนำหุ่นจำลองเรือรบหลวงพระร่วงมาจัดแสดง เพื่อเป็นการบอกเล่าถึงการออกร้านในงานฤดูหนาวในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งนอกเหนือจากจะมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหารายได้บำรุงวัดเบญจมบพิตร เช่นในรัชสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว

ยังโปรดเกล้าฯให้เพิ่มวัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อบำรุงการกุศลต่างๆเพิ่มเติม เช่นในปี 2459 มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหารายได้สมทบการจัดซื้อเรือรบหลวงพระร่วง (เรือพิฆาตตอร์ปิโดลำแรกในประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นเพื่อป้องกันราชอาณาจักรทางทะเล) ในงานฤดูหนาวปีนั้น

นอกจากนี้ ยังจัดจำหน่ายอาหารคาว –หวาน รวมทั้งของว่างจากห้องเครื่องวังรื่นฤดี เช่น ผัดพริกขิงปลาดุกฟู น้ำพริกปลากุเรา คุกกี้ มะกรูดแช่อิ่ม รวมถึงอาหารพิเศษประจำวัน (ตรวจสอบรายการได้ที่เฟสบุ๊ค : มุลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา)ตลอดจนผลิตภัณฑ์และของที่ระลึกจาก มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน รายได้ทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศล

วังรื่นฤดี

วังรื่นฤดี เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชกาลที่ 6

หลังจากทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จกลับประเทศไทยเป็นการถาวร เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2502 ทรงซื้อที่ดินในซอยสันติสุข สุขุมวิท 38 จากนายแมนฟุ้ง เนียวกุล จำนวน 7 ไร่ และทรงซื้อที่ดินส่วนที่

เป็นแนวขนานปิดทางเข้าออกเพิ่มเติมจากนายเอ อี นานาด้วย

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ และพระชนนีได้เสด็จมาทรงวางศิลาฤกษ์ ตำหนักแห่งใหม่นี้แล้ว จึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัท สี่พระยาวัตถุโบราณ จำกัด มีพลเรือตรี สมภพ ภิรมย์เป็นสถาปนิก ตำหนักแห่งนี้มีนามตามตำหนักที่ประทับเดิมว่า

“วังรื่นฤดี” มีความหมายว่าความเบิกบานสบายใจ