'บัว ไผ่ ข้าว' อภัยภูเบศรได้รางวัลระดับโลก

'บัว ไผ่ ข้าว' อภัยภูเบศรได้รางวัลระดับโลก

ปธ.มูลนิธิรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เผยความสำเร็จผลิตภัณฑ์ชุด "บัว ไผ่ ข้าว" เดินหน้าเจาะกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2561 ที่กระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร นำโดย นพ.เปรม ชินวันทนานนท์ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ เข้าพบ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และผู้บริหารกระทรวงฯ เพื่อมอบชุดผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมบัวไผ่ข้าว ผลิตภัณฑ์คนไทยที่ไปคว้ารางวัลยอดเยี่ยมระดับโลก World Star Winners 2018 ในงาน World Packaging Organization 2018 (WPO) โดยรัฐมนตรีว่าการสธ. กล่าวแสดงความยินดีและชื่นชม มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ได้ตั้งใจและเป็นแกนนำสำคัญในการผลักดันให้สมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการให้สมุนไพรไทยแข่งขันได้ในตลาดโลก

นพ.เปรม กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ชุดพรีเมี่ยมบัวไผ่ข้าว ได้รับรางวัลการออกแบบบรรจุภัณฑ์ยอดเยี่ยมจาก World Packaging Organization 2018(WPO) จากผู้เข้าประกวด 38 ประเทศทั่วโลก เป็นผลงานการออกแบบร่วมกันกับบริษัทไทยคอนเทนเนอร์กรุ๊ป จำกัด โดยตั้งใจให้มีความเป็นสากล ดูทันสมัยแต่ยังคงอัตตลักษณ์ของสมุนไพรไทยในแบบของอภัยภูเบศร คือการบอกเล่าผ่านภาพสมุนไพรที่สวยงามเป็นลวดลายบนกล่อง รวมถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้กับเครื่องสำอางราคาแพงของต่างประเทศ

ทั้งนี้ อภัยภูเบศรมีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ตลาดไฮเอนด์มากขึ้น โดยมีเป้าหมายจะพัฒนาช่องทางจำหน่ายต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ไทย รวมถึงด้านการผลิตซึ่งจะเน้นพัฒนานวัตกรรมการสกัดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภคยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้วางแผนปรับกลยุทธ์การจำหน่าย และกระจายสินค้าให้มีประสิทธิภาพ เปิดศูนย์จำหน่ายสมุนไพรตามนโยบายของรัฐบาลอีกกว่า 13 แห่ง และพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ส คือเปิดช่องทางการจำหน่ายออนไลน์(www.abhaiherb.com) เพื่อให้สะดวกต่อผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรอภัยภูเบศรได้ง่ายตอบโจทย์ผู้บริโภคยุค 4.0 คาดว่าจะสามารถขยายตลาดสมุนไพรได้เพิ่มขึ้น 30% ในปี 2561

ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิอภัยภูเบศร กล่าวอีกว่า กว่า 30 ปี ของอภัยภูเบศร อยู่บนพื้นฐานของธุรกิจเพื่อสังคม โดยกำไรจากการจำหน่ายจะนำมาแบ่งปันช่วยเหลืองานบริการด้านสาธารณสุขของโรงพยาบาล และกิจกรรมเพื่อช่วยการเหลือพี่น้องประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ พัฒนาด้านการวิจัย ส่งเสริมเยาวชน ดูแลหมอยาพื้นบ้านและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้ “อภัยภูเบศร”เป็นเรือธงด้านตลาดสมุนไพร เพราะเมื่ออภัยภูเบศรเติบโตย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้อง 5 กลุ่มหลัก คือ 1. เกษตรกรมีความมั่นคงขึ้น 2. หมอยาพื้นบ้านมีรายได้และได้รับการดูแลสุขภาพต่อเนื่อง 3. ชุมชนมีองค์ความรู้มีรายได้จากสมุนไพร 4. เยาวชนมีองค์ความรู้สมุนไพรและมีพฤติกรรมรักสิ่งแวดล้อม 5.ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมาเรามีการลงนามสัญญาจะซื้อจะขายล่วงหน้าแก่เกษตรกร 80 ล้านบาท หากเราสามารถขยายตลาดได้มากเท่าที่คาดการณ์คือ 30% จะมีเม็ดเงินกลับคืนเกษตรกรว่า 100 ล้านบาท