'มภท.4' เผยโอไอซี พอใจโครงการพาคนกลับบ้าน

'มภท.4' เผยโอไอซี พอใจโครงการพาคนกลับบ้าน

"มภท.4" เผยโอไอซี พอใจ-มีความสุข หลังคุยผู้เห็นต่าง "โครงการพาคนกลับบ้าน" พร้อมช่วยพูดโน้มน้าว ชี้ไฟใต้ใกล้ดับเหลือกลุ่มเดียว ชี้ ทภ.4ทำ "เซฟตี้โซน" สำเร็จแล้ว

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 61 พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่4 กล่าวถึงกรณีที่องค์กรความร่วมมืออิสลาม หรือโอไอซี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ทางโอไอซี พอใจในโครงการพาคนกลับบ้าน ถ้ารัฐบาลไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการให้โอไอซีช่วยอะไรในโครงการนี้ก็จะช่วยทุกอย่าง เพราะเป็นนโยบายที่ดี เท่าที่ดูจากสายตาบ่งบอกถึงความพอใจ ความสุข และดีใจที่คนไทยรับผู้เห็นต่างเข้ามาในพื้นที่และดูแลอย่างดี

พล.อ.ปิยวัฒน์ บอกอีกว่า ถือเป็นโครงการที่ดีมาก สามารถทำให้สถานการณ์ยุติขึ้นโดยเร็ววัน มั่นคง และยาวนาน โดยมีผู้เห็นต่างเข้ามาร่วมโครงการรอบนี้ 96 คน และเดินทางกลับมาแล้วชุดแรก 288 คน ทั้งนี้โอไอซีพูดกับคนเหล่านี้ว่าโครงการนี้ให้เริ่มชีวิตใหม่แล้ว ขอให้ช่วยประเทศไทย ผู้ที่เห็นต่างเขาก็พร้อมทำทุกอย่างในการพัฒนาประเทศไทย พร้อมกับรับปากว่าจะช่วยบอกกับผู้ที่เห็นต่างที่เป็นมุสลิมให้กลับมา

แม่ทัพภาคที่ 4 ย้ำว่า ยังมีเพียงกลุ่มเดียวที่พยายามขยายอำนาจของตัวเอง ถ้าจะจบก็ขอให้คนกลุ่มนี้ยุติบทบาท และคิดว่าตัวเองแก่แล้ว ก็กลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานดีกว่า ให้คนรุ่นใหม่ที่ดีเข้ามา ส่วนกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุเข้ามาในวงจรอุบาทว์นั้น เพราะปัญหาเรื่องความยากจนจึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ก็จะเป็นเครื่องมือของกลุ่มแรกที่มาข่มขู่ว่าถ้าไม่ทำต่อ ก็จะถูกจับติดคุก

พล.ท.ปิยวัฒน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะพูดคุยสันติสุขบรรลุข้อตกลง เรื่องการตั้ง "เซฟเฮาส์" โดยจะตัวแทนของผู้เห็นต่างจากรัฐ ในนาม "มารา ปาตานี" ส่วนหนึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับต้องพักโทษชั่วคราวเพื่อมาร่วมกันทำงานนั้น พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ส่วนจะต้องให้รัฐบาลออกคำสั่งพิเศษหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องรัฐบาล ตนเป็นฝ่ายปฏิบัติ พูดได้แค่ว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย แม้กระทั่งโครงการพาคนกลับบ้านก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย

"เชื่อว่าจะต้องไม่เกิดความลักลั่น เพราะถ้าใครเข้ามาก็ต้องเคลียร์เรื่องที่กระทำผิดข้อกฎหมาย ถ้ายังไม่เคลียร์ก็อย่าเข้ามา เพราะจะมีปัญหา ทุกคนต้องเข้ามาด้วยความยุติธรรม และความบริสุทธิ์ ถ้าจะก้าวเข้ามาเล่น ก็ต้องก้าวเข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม จะมีสิทธิพิเศษไม่ได้ ถ้ามีหมายจับก็ต้องว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย เพื่อให้เกิดความยุติธรรมเหมือนกันทุกภาคส่วน ใครจะอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้" พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าว

พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ทางนั้นยังไม่ได้กำหนดพื้นที่ปลอดภัยมาชัดเจน แต่ทางกองทัพภาคที่4 ทำมาแล้วปีกว่า 14 อำเภอเป็นเซฟตี้โซนเหมือนกัน แต่ไม่บอกว่าเป็นอำเภอไหน บอกไปเดี๋ยวเกิดเรื่อง แต่ที่ผ่านมายังไม่เกิดเหตุรุนแรง อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าไม่อยากเอ่ยชื่อกลุ่ม หรือ ขบวนการอะไร มีแต่คนนำชื่อสมาชิก แกนนำไปอ้าง มีสื่อชอบถามว่ากลุ่มไหน แต่การตอบของตนจะเป็นการผลักให้เขาเข้าป่า

เมื่อถามถึง กรณีที่ยังอยากอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 จนเกษียณอายุราช พล.ท. ปิยวัฒน์ กล่าวว่า อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาว่าจะให้อยู่หรือไม่ เราแต่งเครื่องแบบ ผู้บังคับบัญชาให้เราไปไหนเราก็ไป เราไม่มีสิทธิ์มีเสียง ให้จบภารกิจ เราก็จบ ให้อยู่ต่อก็อยู่ต่อ ถ้าถามตนว่าอยากอยู่ต่อหรือไม่ ตนก็อยากอยู่ต่อ อยากสานต่อให้จบ พลเอกใครๆ ก็อยากได้ แต่ถ้าแลกกันระหว่างดูแลด้ามขวานผืนแผ่นดินไทยข้างล่าง ตนก็ขอดูแลข้างล่าง ขอจบภารกิจที่นั่นตอนเกษียณอายุราชการ

แม่ทัพภาคที่ 4 ยังบอกว่า สิ่งที่เราอยากเห็นคืออยากให้ประชาชน มีอาชีพ มีรายได้ มีงานทำ และกลับไปสู่ความสงบสุขเหมือนเดิม เมื่อก่อนนี้ปักษ์ใต้ มีรอยยิ้มเวลาไปไหนมาไหน เพราะตนอยู่มาตั้งแต่เป็นร้อยตรี ตอนนี้ก็กำลังจะเป็นความจริงแล้ว โครงการพาคนกลับบ้านก็มีเสียงตอบรับ เราไม่ได้ดูเรื่องสถิติการก่อเหตุมากขึ้นหรือน้อยขึ้น แต่ดูเราประชาชนมีความสุขหรือไม่ สภาพทั่วไปประชาชนจับจ่ายใช้สอยได้ ร้านค้าประกอบธุรกิจได้ ที่สำคัญ เด็กๆ มีการยกมือไหว้ แสดงว่ารุ่นใหม่ปฏิเสธความรุนแรง เป็นนิมิตรหมายที่ดี คิดว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ววันนี้