"ดีเอสไอ" โต้อายัดรถหรูทำธุรกิจนำเข้าซุปเปอร์คาร์สะดุด แจงอายัดไว้แค่ 6 คัน คาดปัญหาเกิดจากรถค้างในฟรีโซน กรมศุลฯ ไม่ตรวจปล่อยเหตุสำแดงราคาต่ำ
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ. เปิดถึงกรณีกลุ่มผู้ประกอบการซุปเปอร์คาร์เข้าร้องเรียนรองนายกรัฐมนตรีว่า หลังจากถูกดีเอสไออายัดรถยนต์ดังกล่าวทำให้ส่งผลกระทบเสียหายต่อการประกอบธุรกิจนานถึง 7 เดือนว่า ดีเอสไอมีหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมายไม่สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการได้แต่ยืนยันว่ารถยนต์ที่ถูกอายัดมีจำนวนไม่มาก ส่วนใหญ่ผู้ซื้อจะรับคืนไปเก็บรักษาเกือบทั้งหมดแล้ว. ขณะนี้เหลือที่อายัดไว้ในโชว์รูมจำนวน 6 คัน รวมถึงรถที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศอังกฤษที่ไม่สามารถให้คืนกับผู้ซื้อได้ เนื่องจากเป็นรถที่ต้องส่งคืนกลับไปยังประเทสอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดีเอสไอถือว่าทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว โดยเร็วๆนี้ทางการอิตาลีจะส่งหลักฐานราคาซื้อขายที่แท้จริงจากประเทศต้นทางมาให้ดีเอสไออีก 1 ล็อต
รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบการคาดว่า เกิดจากรถยนต์จำนวนมากที่ตกค้างอยู่ในเขตปลอดอากรหรือฟรีโซน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมศุลกากร ที่ผ่านมาศุลกากรได้เข้ามาหารือว่า กลุ่มผู้ประกอบการยังสำแดงราคานำเข้าในอัตราที่ต่ำจึงไม่สามารถรับราคาและตรวจปล่อยรถให้กับผู้นำเข้าได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ผู้รับราคาอาจมีความผิดถูกดำเนินคดีเสียเอง ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการปฎิบัติหน้าที่ของดีเอสไอ
ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้ตรวจสอบภาษีย้อนหลังรถยนต์หรูนำเข้าที่เสียภาษีตํ่ากว่าความเป็นจริง โดยเป็นรถนำเข้าจากประเทศอังกฤษ 1,047 คัน อิตาลี 336 คัน รวมมูลค่าภาษีที่รัฐบาลขาดรายได้กว่า 9,000 ล้านบาท