สำนึกผิด! แก๊ง 'เปรี้ยวฆ่าหั่นศพ' ลงขันช่วยครอบครัว 'น้องแอ๋ม'

สำนึกผิด! แก๊ง 'เปรี้ยวฆ่าหั่นศพ' ลงขันช่วยครอบครัว 'น้องแอ๋ม'

สำนึกผิด! แก๊ง "เปรี้ยวฆ่าหั่นศพ" ลงขันคนละหมื่นช่วยค่าทำศพ-เยียวยาครอบครัว "น้องแอ๋ม"

นายอมรพงศ์ จันทร์กวี พร้อมด้วย นายบุญยง ฝ่ายนอก ทนายความของจำเลยในคดีร่วมกันฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ แอ๋ม ร่วมกันให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงแนวทางในการสู้คดี ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการสืบพยานฝ่ายโจทก์ในนัดที่ 4 จากทั้งหมด 6 นัด ว่า ในการสืบพยานฝ่ายโจทก์ตลอดทั้งวันนี้ ทีมทนายฝ่ายจำเลยได้มีการถามค้านพยานฝ่ายโจทก์ในหลายประเด็น ซึ่งมีการนำพยานที่เป็นเอกสารมาประกอบการถามค้านพยานแต่ละคนที่ขึ้นเบิกความ เพื่อให้ศาลได้ทราบรายละเอียดในการต่อสู้คดีของจำเลยทั้ง 4 คน ที่ต่อสู้ว่าไม่ได้ร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ยอมรับว่าได้ทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพของผู้ตาย

นายอมรพงศ์ กล่าวว่า จากพยานหลักฐานที่ทนายฝ่ายโจทก์นำมาเบิกความในการสืบพยาน ทั้ง 4 นัด ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเบิกตัวพยานบุคคลเข้ามาเบิกความไปแล้ว จำนวน 15 ปาก ส่วนตัวยังไม่เห็นว่ามีน้ำหนักมากพอที่จะเข้าข่ายความผิดในข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เนื่องจากพยานหลักฐานที่นำมาเบิกความเป็นเพียงการนำเรื่องราวต่างๆ มาปะติดปะต่อเท่านั้น แต่ยังไม่หลักฐานหรือประจักษ์พยานคนใดที่ชี้ชัดได้ว่าจำเลยได้มีการวางแผนล่วงหน้า เช่น ข้อความแชทในไลน์ที่มีการอ้างว่ามีการล่อลวงให้ผู้ตายมาพบ แต่ก็ยังไม่มีการตรวจสอบว่ามีอยู่จริงหรือไม่

ประเด็นต่อมาคือการอ้างว่ากลุ่มผู้ตายได้เช่ารถเพื่อเตรียมไปก่อเหตุ แต่จากการเบิกความของเจ้าของอู่เช่ารถที่ผู้ตายเช่ามา ก็ให้การว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมักจะมาเช่ารถจากอู่นี้ไปใช้อยู่เสมอ จนรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี ซึ่งไม่ใช่การมาเช่ารถครั้งแรก และจากคำเบิกความของผู้จัดการสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นที่กลุ่มผู้ก่อเหตุและผู้ตายเคยทำงานด้วย ก็ได้ให้การว่า ในคืนเกิดเหตุได้พบกลุ่มจำเลยอยู่ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในขอนแก่น ในเวลาประมาณ 03.00 น. กลุ่มจำเลยยังได้โทรศัพท์ชักชวนให้ตนไปเที่ยวต่อด้วยกัน ทนายจำเลยจึงตั้งข้อสังเกตว่า หากกลุ่มจำเลยมีการวางแผนที่จะฆ่าผู้ตาย เหตุใดจึงยังชักชวนผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องให้ไปเที่ยวต่อด้วยกัน

นายอมรพงศ์ ยังกล่าวถึงประเด็นที่มีการระบุว่า น.ส.เปรี้ยว ยังมีพฤติกรรมในลักษณะไม่สำนึกผิดกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะจากการพูดคุยกับจำเลย นับตั้งแต่ได้รับมอบหมายให้เป็นทนายของ น.ส.เปรี้ยว จำเลยได้บอกกับตนมาโดยตลอดว่าเสียใจและสำนึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไป ซึ่งไม่ได้เจตนาฆ่าผู้ตายให้ถึงแก่ความตาย แต่เป็นการพลั้งมือเท่านั้น นอกจากนี้จำเลยทั้ง 4 คน ยังไม่ประสงค์ที่จะประกันตัว แต่ขอต่อสู้ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม โดยในวันนี้ผู้ต้องหา ทั้ง 5 คน ยังได้ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อวางเงิน เพื่อช่วยเหลือค่าทำศพและเป็นค่าเยียวยาต่อครอบครัวของ น.ส.แอ๋ม ผู้ตาย คนละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 50,000 บาท ซึ่งกลุ่มจำเลยยังได้แสดงความสำนึกผิดต่อสิ่งที่กระทำจนทำให้ผู้ตายเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม การสืบพยานฝ่ายโจทก์ในคดีนี้ ยังเหลือการสืบพยานฝ่ายโจทก์อีก 2 นัด ในวันที่ 28 ก.พ. และวันที่ 13 มี.ค. หลังจากนั้นจะเป็นการสืบพยานฝ่ายจำเลย ระหว่างวันที่ 14 - 15 มี.ค. ซึ่งจะเป็นการขึ้นเบิกความของจำเลยทั้ง 5 คนต่อไป