ศึกชิงพื้นที่“ท็อปโฟร์”เกมเขย่าขวัญ 5 ยักษ์ผู้ดี

ศึกชิงพื้นที่“ท็อปโฟร์”เกมเขย่าขวัญ 5 ยักษ์ผู้ดี

หลังจบเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของมูรินโญ กลับมาทวงตำแหน่งรองจ่าฝูงคืนจากลิเวอร์พูลได้สำเร็จด้วยการเฉือนชนะเชลซี 2-1

ชัยชนะที่มีเหนือ อันโตนิโอ คอนเต กุนซือคู่ปรับชาวอิตาเลียน นอกจากเป็น 3 แต้มอันล้ำค่าแล้ว ผลของนัดนี้ยังเรียกความมั่นใจของกองทัพ “ปีศาจแดง” ให้กลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง ขณะเดียวกันยังเป็นการตัดแต้มโดยตรงกับทีมคู่แข่งในการลุ้นแย่งพื้นที่ 4 อันดับแรกบนตารางคะแนน

โดยในวันเดียวกัน ทอตแนม ฮอตสเปอร์ บุกไปเฉือน คริสตัล พาเลซ แบบหวุดหวิด 1-0 แถมประตูชัยเพียงลูกเดียวของ แฮร์รี เคน นอกจากจะช่วยให้ดาวยิงทีมชาติอังกฤษขึ้นนำเดี่ยวในตำแหน่งดาวซัลโวแล้ว ประตูนี้ยังเป็นการส่งให้ “ไก่เดือยทอง" ทะยานขึ้นอันดับ 4 พร้อมถีบ "สิงโตน้ำเงินคราม" หล่นมารั้งที่ 5

จากสถานการณ์ดังกล่าวต้องบอกว่าการช่วงชิงพื้นที่ท็อปโฟร์สลับสับเปลี่ยนกันเป็นว่าเล่น โดยหลังเดินทางมาถึงเกมที่ 28 ของฤดูกาล ซึ่งไม่กี่อึดใจก็จะเตรียมรูดม่านปิดฉากซีซั่นกันแล้ว แต่การแย่งตั๋ว 3 จากโควตา 4 ที่นั่ง ยังเข้มข้นจนยากจะเดาตอนจบ เพราะนอกจากแมนฯ ซิตี อันดับ 1 แล้ว ที่เหลือลงมาไล่ตั้งแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส, เชลซี และอาจนับรวม อาร์เซนอล ด้วย ถือว่าทุกทีมที่เอ่ยมาต้องขับเคี่ยวแย่งชิงเก้าอี้ที่เหลืออย่างจำกัด โดยจาก 5 ทีมจะมีเพียง 3 ทีมเท่านั้นที่สมหวัง

แมนฯ ยูไนเต็ด อันดับ 2 (59 แต้ม)

ทีมของมูรินโญ กลับมามีโมเมนตัมที่ดีอีกครั้งหลังเสียความมั่นใจในเกมก่อนหน้าที่พ่ายพลิกล็อกแก่ นิวคาสเซิล 0-1 โดยการกำชัยเหนือเชลซี ต้องบอกว่าส่งผลต่อทีมและนักเตะรายบุคคลเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องของความมั่นใจ

เกมดังกล่าวแม้ เจสซี ลินการ์ด จะเป็นผู้โหม่งประตูชัยให้ทีม แต่คนที่โดดเด่นจริงๆ คือศูนย์หน้าร่างยักษ์อย่าง โรเมลู ลูกากู หัวหอกเบลเยียมที่มีส่วนร่วมกับทั้ง 2 ประตู จากการยิง 1 และแอสซิสต์อีก 1 ทำลายข้อครหาที่มักโดนสบประมาทยามลงเล่นกับทีมหัวแถวด้วยกัน

ขณะที่โปรแกรมของแมนฯ ยูไนเต็ด เหลือเจอทีมแย่งพื้นที่ท็อปโฟร์ด้วยกันอีก 3 เกม โดยเตรียมทำศึก “แดงเดือด” กับลิเวอร์พูล ในวันที่ 10 มีนาคม จากนั้นรอล้างตาในศึกแมนเชสเตอร์ดาร์บีกับ “เรือใบสีฟ้า” ซึ่งก็ไม่แน่ว่าจะเป็นนัดการันตีแชมป์เลยหรือเปล่า ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเปิดรังเจอ อาร์เซนอล ซึ่งจากคิวที่รออยู่กูรูเมืองผู้ดีมองว่า “ปีศาจแดง” น่าจะคว้าตั๋วยูซีแอลได้ แต่การรักษาตำแหน่งรองจ่าฝูงนั้นก็ไม่แน่เหมือนกัน

โปรแกรมตัดแต้ม

10 มี.ค.    ลิเวอร์พูล (เหย้า)

7 เม.ย.    แมนฯ ซิตี (เยือน)

28 เม.ย.    อาร์เซนอล (เหย้า)

ลิเวอร์พูล อันดับ 3 (57 แต้ม) 

หากเปรียบเทียบกับคู่แข่งแย่งพื้นที่ท็อปโฟร์ด้วยกันลูกทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ ดูจะมีทรงการเล่นเร้าใจที่สุด แต่นั่นไม่ได้การันตีว่าพวกเขาจะคว้าตั๋วไปลุยถ้วยใหญ่ยุโรป เพราะสิ่งที่หลายคนกังวลกับพลพรรค “หงส์แดง” ก็คือการพร้อมจะแจกแต้มให้บรรดาทีมเล็กๆ ด้วยกันนั่นเอง

ความได้เปรียบสำคัญจากโปรแกรมที่เหลือคือ ลิเวอร์พูล มีเกมเจอทีมแย่งพื้นที่ท็อปโฟร์ด้วยกันอีกแค่ 2 ทีม โดยเป็นเกมแดงเดือดในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า ต่อด้วยเกมกับเชลซี ซึ่งทั้ง 2 นัด หงส์แดงต้องรับบททีมเยือนทั้งหมด ส่วนเกมสำคัญอีกแมทช์ก็คือนัดเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บีกับเอฟเวอร์ตัน อย่างไรก็ตามบางที 8 เกมที่เหลืออาจน่ากลัวกว่าการชนกับสองทีมยักษ์ใหญ่เสียอีก

โปรแกรมตัดแต้ม

10 มี.ค.    แมนฯ ยูไนเต็ด (เยือน)

5 พ.ค.    เชลซี (เยือน)

สเปอร์ส อันดับ 4 (55 แต้ม)

เป็นอีกทีมที่มีโอกาสติด 1 ใน 4 สูงทีเดียว สำหรับ สเปอร์ส ของ เมาริซิโอ โปเชตติโน ซึ่งหากผ่าน 2 เกมหนักกับแมนฯ ซิตี และเชลซีไปได้ ก็แทบจะใส่ชื่อพวกเขาไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้าได้เลย

เหตุผลที่ “ไก่เดือยทอง” ได้เครดิตขนาดนี้ ส่วนหนึ่งมาจากผลงานระยะหลังที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ด 2-0, เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2, เฉือน อาร์เซนอล 1-0 แถมด้วยผลงานชิ้นโบแดงที่เสมอ ยูเวนตุส 2-2 ในถ้วยยุโรป ยิ่งทำให้ราศีจับเข้าไปอีก 

อย่างไรก็ตามแม้จะมีเกมตัดแต้มกับทีมแย่งตั๋วด้วยกันแค่ 2 นัด แต่จากเส้นทางที่ยังมีลุ้นทั้งถ้วยเอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็อดคิดไม่ได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อฟอร์มในลีกหรือไม่

โปรแกรมตัดแต้ม

1 เม.ย.    เชลซี (เยือน)

14 เม.ย.    แมนฯ ซิตี (เหย้า)

เชลซี อันดับ 5 (53 แต้ม)

กลับมาทำได้ดีไม่กี่เกมแต่สุดท้ายก็ต้องมาอยู่ในห้วงกดดันอีกครั้ง สำหรับทั้งขุนพลสิงโตน้ำเงินครามและคอนเต

สื่ออังกฤษเชื่อว่า เชลซี จะเป็น 1 ใน 2 ทีมที่ดูแล้วน่าจะต้องอกหักในการคว้าสิทธิ์ไปลุยยูซีแอลในซีซั่นหน้า โดยนอกจากคิวรับมือทีมยักษ์ใหญ่ด้วยกันที่หนักเอาการแล้ว อีกสาเหตุที่ทำให้กูรูผู้ดีเชื่อแบบนั้นก็มาจากหลักฐานในเกมล่าสุดกับปีศาจแดงนั่นเอง

เกมนัดต่อไป คอนเต จะต้องพาลูกทีมออกไปเจองานหนักกับอีกหนึ่งทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ก็คือ แมนฯ ซิตี แถมระหว่างนั้นยังมีเกมยุโรปกับบาร์เซโลนา ในนัดที่สองมาคั่นกลางให้เสียสมาธิอีกด้วย ก่อนจะกลับมาห้ำหั่นกับ  สเปอร์ส และลิเวอร์พูล ซึ่งเพียงโปรแกรมว่าน่ากลุ้มแล้ว แต่หากใครได้ติดตามฟอร์มของแข้งสิงห์บลูส์จะรู้ว่าเหตุผลหลังน่าปวดหัวกว่าอีก โดยเฉพาะในรายของ อัลบาโร โมราตา เพชฌฆาตของทีม ที่เวลานี้คลำเป้าไม่เจอมา 10 นัดติดเข้าไปแล้ว

โปรแกรมตัดแต้ม

3 มี.ค.    แมนฯ ซิตี (เยือน)

1 เม.ย.    สเปอร์ส (เหย้า)

5 พ.ค.    ลิเวอร์พูล (เหย้า)

อาร์เซนอล อันดับ 6 (45 แต้ม)

ปิดท้ายด้วยทีมที่มีเปอร์เซ็นต์หลุดตำแหน่งท็อปโฟร์มากที่สุดหนีไม่พ้นทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส ที่ปัจจุบันมีแต้มตามหลัง สเปอร์ส ทีมอันดับ 4 อยู่ถึง 10 แต้ม แม้จะลงแข่งน้อกว่าอยู่ 1 นัดก็ตาม

ถึงโปรแกรมหนักจะมีเพียงการรอรับมือ 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ แต่ด้วยระยะห่างและฟอร์มการเล่นเวลานี้แทบจะบอกให้เหล่า “เดอะ กันเนอร์ส” หันไปรอเชียร์ทีมในเกมที่จะเจอกับ เอซี มิลาน ในถ้วยยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเสียจะดีกว่า

โปรแกรมตัดแต้ม

1 มี.ค.    แมนฯ ซิตี (เหย้า)

28 เม.ย.    แมนฯ ยูไนเต็ด (เยือน)

จากนี้ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเหลือโปรแกรมให้ลงห้ำหั่นกันอีก 10 นัดก่อนจะปิดฤดูกาล ซึ่งจากนี้ต้องมาลุ้นกันว่าจากทั้งหมด 5 ทีมที่แย่งชิงพื้นที่ท็อปโฟร์จะมีทีมไหนฉายแววโดดเด่นรักษาพื้นที่จนถึงบั้นปลาย หรือจะมีบางทีมมาโดนแซงกันเอาในโค้งสุดท้าย