ผุดไอเดียปรับแผนเชิงรุก เชิญชวนคนสมัครกกต.

ผุดไอเดียปรับแผนเชิงรุก เชิญชวนคนสมัครกกต.

ประธาน สนช. ผุดไอเดียปรับแผนเชิงรุก เชิญชวนคนสมัคร "กกต." ยันไม่มีการทาบทามใคร อย่ากังวลได้คนใหม่ทันเวลาแน่

ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดเก่าจะประกาศลาออก จะทำให้มีปัญหาหรือไม่ ว่า ทางกรรมการสรรหาต้องเร่งเวลา และต้องทำตามกฎหมาย เพราะทุกอย่างมีกระบวนการอยู่แล้ว ต้องมีการตั้งกรรมการสรรหา มีการประกาศรับสมัคร ที่ผ่านมาใช้เวลา 7 วันในการประกาศรับสมัคร ซึ่งตนมองว่าไม่พอต้องยาวกว่านี้ ถ้าหากประกาศรับสมัครวันเดียวโดยไม่ตรวจสอบคุณสมบัติก็บกพร่องไปหมด แต่เรื่องนี้กระบวนการกฎหมายบังคับอยู่แล้ว กรรมการสรรหาจะทำผิดไม่ได้ เพราะเราไม่เหมือนห้างร้านบริษัทที่เดินหาและเอาใครมาก็ได้ แต่ กกต.ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะนอกจากจะตรวจสอบคุณสมบัติแล้วต้องตรวจสอบจริยธรรมด้วย แต่กรรมการสรรหาไม่ได้ตรวจสอบ เนื่องจากจะต้องใช้เวลาอีกมาก เมื่อกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของวุฒิสภาคือสนช.แล้วก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา ที่จะดำเนินการสอบในเชิงลึกว่าแต่ละคนประวัติเป็นอย่างไร ขยันทำงานหรือไม่ โดยเชิญผู้เกี่ยวข้อง เจ้านาย เพื่อนฝูงมาสอบถาม แต่กรรมการสรรหาไม่รู้ รู้เพียงแค่มีคุณสมบัติครบถ้วน มีวิสัยทัศน์ที่จะทำงานได้

เมื่อถามว่าแสดงว่าการสรรหากกต.ครั้งหน้าหากไม่มีการตรวจสอบประวัติเชิงลึกโอกาสที่จะเป็นเหมือนเดิมมีหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า เขาแบ่งหน้าที่กันแล้ว ถ้ากรรมการสรรหาจะไปทำก็จะซ้ำกันแล้วจะทำ ทำไม

เมื่อถามอีกว่า หลังจากที่สนช.มีมติไม่รับทั้ง 7 ว่าที่กกต.อาจทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาสมัครอีก นายพรเพชร กล่าวว่า ตนพูดโดยสามัญสำนึก และความคิดว่าการสรรหาครั้งนี้ลำบากกว่าครั้งแรก เพราะคนต้องคิดมาก ในเรื่องของคุณสมบัติก็เป็นธรรมดา แต่กรรมการสรรหาก็ต้องมีทางแก้โดยการชี้แจงเชิญชวนบุคคลทั่วไปให้มาสมัคร เพราะเวลาประกาศสรรหาบางคนไม่รู้เรื่อง เนื่องจากให้เวลาจำกัดเพียง 7 วัน ในการมาสมัคร คนที่จะมาสมัครก็บอกว่าเตรียมเอกสารไม่ทัน ดังนั้นครั้งนี้จะใช้นโยบายเชิงรุกประชาสัมพันธ์ว่าคุณสมบัติเป็นอย่างไรบ้าง ทำหน้าที่อย่างไร ท่านใดที่มีคุณสมบัติก็มาสมัครได้ ซึ่งนโยบายเชิงรุกนี้จะต้องเข้ากรรมการสรรหาก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่จะไม่มีการทาบทามบุคคลใด

เมื่อถามย้ำว่าการที่บอกว่าการสรรหาครั้งที่สองจะยากกว่าครั้งแรกอาจทำให้คนกลัวที่จะเข้ามาสุดท้ายแล้วต้องไปทาบทามหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่ ตนคิดว่าเมื่อเขาเข้าใจแล้วก็จะมาสมัคร และผู้ที่จะมาสมัครก็ต้องศึกษาว่าที่สนช.ไม่ผ่านกกต.ชุดแรกเพราะอะไร เพราะเขาก็ต้องมีเพื่อนฝูงในสนช. แม้จะเป็นประชุมลับเขาก็แสวงหาข้อมูลได้ว่าเพราะอะไร และเมื่อเขาเข้าใจเขาก็ยินดีมาสมัครได้

นายพรเพชร กล่าวว่า วันนี้จะส่งเรื่องไปยังประธานศาลฏีกาเพื่อนัดประชุมกรรการสรรหา แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีการประชุมเมื่อไหร่ เพราะประธานศาลฏีกาติดภารกิจในต่างจังหวัด ทั้งนี้คิดไว้ว่าระยะเวลาในการรับสมัครจะเปิดให้ยาวขึ้นกว่าเดิม การตรวจสอบคุณสมบัติก็กระชับมากขึ้น เพราะตรวจสอบเฉพาะการครบองค์ประกอบตามกฎหมาย

นายพรเพชร กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัติทางจริยธรรม และความประพฤติเป็นหน้าที่ของสนช. ซึ่งเดิมใช้เวลา 60 วัน ครั้งนี้กลับมาใช้ 45 วันก็จะเร่งรัดมากขึ้น อย่างไรก็ตามกระบวนการการสรรหาก็พยายามใช้ 90 วันอย่างเต็มที่ เพราะหากใช้ระยะเวลาสั้น คนที่มาสมัครจะไม่รู้เรื่อง และเขาจะหาเรื่องกรรมการสรรหาด้วยว่าเปิดรับสมัคร 2-3 วันแล้วก็ปิด เอาแต่พวกตัวเอง และการตรวจสอบคุณสมบัติทางหน่วยงานบอกว่าไม่ได้รับแจ้งว่าบุคคลนี้เคยติดคุก เคยล้มละลาย ติดยาเสพติดหรือไม่ เขาตอบมาไม่ทัน กรรมการสรรหาก็พลาดตรงนี้ไป เมื่อเข้าสู่การตรวจสอบคุณสมบัติของสนช.เขาก็ว่าเอา สรุปแล้วกฎหมายเขากำหนดเวลาไว้ดีแล้ว เราก็พยายามที่จะบริหารเวลาให้สั้นที่สุด เพราะรู้ว่าการสรรหาครั้งนี้ควรจะเร่งรัดให้เร็วขึ้น ซึ่งทางกรรมการสรรหาก็ทราบว่าองค์กรที่จะส่งผู้สมัครมาก็ต้องใช้เวลาในการเลือก ก็ติดขัดในเรื่องเหล่านี้ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของกกต.ชุดเก่าที่จะมีผู้เกษียณอายุราชการก็มีผลต่อการเร่งรัดการสรรหาครั้งนี้ ประเด็นใดที่เร่งได้จะพยายามทำ ประเด็นใดที่เร่งไปแล้วเกิดความเสียหาย โดนกล่าวหา เราไม่ทำ

เมื่อถามว่าที่ระบุว่ากรอบระยะเวลา 90 วันเป็นเพียงขั้นตอนการสรรหายังไม่รวมการตรวจสอบประวัติ และการลงมติของสนช.ใช่หรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่รวม โดยในชั้นกรรมการสรรหาใช้ระยะเวลา 90 วันในชั้นสนช. 45 วัน ซึ่งในชั้นนี้สามารถขยายได้อีก 15 วันเป็น 60 วันเหมือนครั้งที่ผ่านมา.