ก.ล.ต. กล่าวโทษ 'หมอวิชัย' คดี IFEC ปมทุจริตต่อหน้าที่

ก.ล.ต. กล่าวโทษ 'หมอวิชัย' คดี IFEC ปมทุจริตต่อหน้าที่

ก.ล.ต. กล่าวโทษ "หมอวิชัย" คดี IFEC ปมทุจริตต่อหน้าที่ จี้กรรมการ IFEC รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (IFEC) กรณีนายวิชัยในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ IFEC ไม่ดำเนินการให้บริษัทชี้แจงประเด็นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสอบถามตามที่ปรากฏข่าวว่า IFEC ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน (B/E) จนเป็นเหตุให้หุ้น IFEC ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2560 ซึ่งทำให้นายวิชัยได้ประโยชน์ โดยหุ้น IFEC ที่นายวิชัยถือไว้และเป็นหลักประกันบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทมาร์จิ้น จำนวนรวมกว่า 57.46 ล้านหุ้น ไม่ถูกบังคับขาย จึงทำให้นายวิชัยยังคงสภาพการเป็นผู้ถือหุ้นของ IFEC และสามารถใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการในการประชุมผู้ถือหุ้นจำนวน 3 ครั้งในปี 2560 เพื่อประโยชน์ต่อตนเอง

“การกระทำดังกล่าวเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 170 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหาย หรือทำให้ตนเองได้รับประโยชน์ตามมาตรา 89/7 และมาตรา 281/2 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษนายวิชัยต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”

การกล่าวโทษนายวิชัยในครั้งนี้ เป็นการกล่าวโทษเพิ่มเติมจากกรณีที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษนายวิชัยในฐานะประธานกรรมการ IFEC ต่อ ปอศ. เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2560 กรณีกระทำโดยทุจริตโดยแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้เพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น โดยการใช้วิธีการลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรม

นอกจากนี้ เนื่องจากปัจจุบัน IFEC ไม่สามารถชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้ตามกำหนดเวลา ทำให้ถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องต่อศาล และไม่สามารถจัดทำและนำส่งงบการเงินได้ตามระยะเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด จนเป็นเหตุให้เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศให้ IFEC เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดจากการที่ (1) IFEC ไม่มีประธานกรรมการบริษัทซึ่งทำหน้าที่เรียกประชุมคณะกรรมการบริษัทตามกฎหมาย และ (2) กรรมการบริษัทส่วนใหญ่ยังมีประเด็นด้านกฎหมาย ว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะคณะกรรมการบริษัทได้หรือไม่ และแม้ว่า IFEC ได้ใช้สิทธิตามกฎหมาย โดยขอให้ศาลแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่ประธานกรรมการ แต่มีผู้ถือหุ้นของ IFEC คัดค้าน จึงทำให้ IFEC ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ประกอบกับยังไม่ปรากฏว่ากรรมการ IFEC ได้หาวิธีการอื่นในการแก้ไขปัญหา

ก.ล.ต. เห็นว่า กรรมการ IFEC ควรรีบแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้น โดยทางเลือกหนึ่งที่สามารถกระทำได้ คือ การดำเนินการจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสเสนอชื่อและเลือกตั้งบุคคลที่ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เห็นว่ามีความเหมาะสมเข้ามาเป็นกรรมการ ภายใต้ขั้นตอนและวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในการนี้ ก.ล.ต. จึงอาศัยอำนาจมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ให้กรรมการ IFEC และบุคคลที่ IFEC เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าเป็นกรรมการ ชี้แจงเป็นรายบุคคลว่าจะดำเนินการแก้ไขเรื่องดังกล่าวอย่างไร และให้เปิดเผยคำชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 7 วัน หรือภายในวันที่ 5 มีนาคม 2561 หากกรรมการ IFEC และบุคคลดังกล่าวไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว อาจถูกพิจารณาได้ว่า ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 89/7 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว

สำหรับกรณีที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับเงินลงทุนของ IFEC ในโครงการพลังงานทดแทนและเรื่องร้องเรียนอื่น ๆ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำของบุคคลใดที่เกี่ยวข้องเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

อนึ่ง การกล่าวโทษนายวิชัยของ ก.ล.ต. ข้างต้น เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนการวินิจฉัยคดีซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลยุติธรรมตามลำดับ นอกจากนี้ การถูกกล่าวโทษในครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้นายวิชัยเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน และไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนได้