เผยเงื่อนงำมือมืดทุบกระจกรถเมล์เอ็นจีวี!!

ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวถึงกรณีรถโดยสารประจำทางที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (รถเมล์เอ็นจีวี) ของบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 7 คันถูกทุบทำลายที่ท่าเรือแหลมฉบังว่า

เบื้องต้นได้สอบถามข้อเท็จจริงไปยังผู้บริหาร บริษัท แหลมฉบัง อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จำกัด (STC) ผู้รับสัมปทานท่าเรือ B5และ C3 ซึ่งเป็นจุดจอดรถเมล์เอ็นจีวีที่ถูกทุบทำลายแล้ว

ผู้บริหารเอสทีซียอมรับว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง โดยเจ้าของรถเมล์ได้ว่าจ้างบริษัทหัวลากรถจำนวน 2 แห่งมาทำการลากและขนย้ายรถออกจากท่าเรือ แต่ 2 บริษัทหัวลากมีเหตุทะเลาะวิวาทกัน จึงมีการทุบทำลายรถเมล์

“ทางรองซีอีโอของเอสทีซี แจ้งเหตุผลมาแบบนี่ ผมขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนซึ่งบ่ายนี้ผมจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง” ร.ต.ต.มนตรีกล่าว

ด้านนายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ช. ทวี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา มีรถเมล์เอ็นจีวีรอเคลื่อนย้ายออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ถูกทุบทำลายและได้รับความเสียหาย 7-8 คัน จากจำนวน 10 คัน

เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ แต่บริษัทฯ ได้รีบนำรถดังกล่าวมาตรวจความเสียหาย และซ่อมแซม รวมถึงสั่งนำเข้ากระจกจากต่างประเทศ เพื่อมาเปลี่ยนให้ทันส่งมอบลอตแรกให้ ขสมก. ในเดือน มี.ค.

ส่วนรถล็อตต่อไปจำนวน 40 คัน จะส่งมาจากประเทศจีนในสัปดาห์หน้าและจะทยอยส่งมาอีกจนครบ 489 คัน ทางกลุ่มบริษัทจึงเตรียมส่งหนังสือถึงท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทฯ ไปดูแลรักษารถเมล์เอ็นจีวีที่เข้ามาเพิ่มเติมเอง เบื้องต้นอาจจะมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทหารให้เข้ามาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย

"ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็มีมูลค่ามาก เพราะคนร้ายรู้จุดสำคัญของรถ ทำลายในจุดที่สำคัญและการเปลี่ยนแปลงซ่อมแซม อุปกรณ์ต้องนำเข้า เช่น กระจก รถ ที่บริษัทนำเข้ามานอกจากค่ากระจกแล้ว ก็จะมีค่าใช้จ่ายเรื่องภาษีอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้ว่าเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น ทางบริษัทก็จะไม่กลัว พร้อมเร่งส่งมอบให้ทันกำหนดแน่นอน แม้ว่าคนทำจะมีประสงค์ให้เราส่งมอบรถไม่ทันก็ตาม" นายสุรเดชกล่าว