ผบช.น. สั่งให้ออกจากราชการ “จ่าสิบตำรวจ” ผบ.หมู่สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ (191) หลังเมายาบ้าชักปืนขู่ รปภ.โรงพยาบาลรามา
จากกรณีเฟซบุ๊กชื่อ ‘บริสุทธิ์ แซ่ย่าง’ เผยแพร่คลิปชายใส่เสื้อเสื้อสีขาว อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปขอตรวจค้นพ่อค้าแม่ค้าบริเวณด้านหน้า ร.พ.รามาธิบดี แขวงและเขตพญาไท โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า บุคคลในคลิปเป็นตำรวจในสังกัด บก.สปพ. นั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 ก.พ.2561 พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบก.สปพ. กล่าวว่า บุคคลในคลิปดังกล่าว เป็นบุคคลเดียวกับ จ.ส.ต.ศิระกร พรมนิล ผบ.หมู่งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ (191) บก.สปพ. ปฏิบัติหน้าที่ชุดเฉพาะกิจคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งถูกเจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท จับกุม กรณีเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 20 ก.พ.ทางเจ้าหน้าที่ รปภ.รพ.รามาธิบดี ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท ว่า จ.ส.ต.ศิระกร ได้พกพาอาวุธปืนบริเวณลานจอดรถชั้นบี1 ภายในโรงพยาบาลดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบภายหลังทราบว่า จ.ส.ต.ศิระกร เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการตรวจสอบพบอาวุธปืนมีทะเบียนขนาด 9 มม. และยินยอมให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พญาไท ทำการตรวจสอบ ภายหลังจากที่ได้เชิญ จ.ส.ต.ศิระกร ไปทำการสอบสวนที่สน.พญาไท แล้ว ทางพนักงานสอบสวน สน.พญาไท จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสารธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ก่อนที่จะให้ประกันตัวและปล่อยตัวชั่วคราว
ต่อมาเวลา 19.00 น. วันที่ 21 ก.พ. จ.ส.ต.ศิระกร ได้เดินทางมา รพ.รามาธิบดี อีกครั้ง แล้วแสดงพฤติการณ์ลักษณะเดิม โดยพกพาอาวุธปืนและทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท จึงได้ควบคุมตัวมาที่ สน.พญาไท เพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนที่จะติดต่อไปยังงานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ (191) บก.สปพ. ให้มารับตัว โดยมีอาการลักษณะมึนเมา ทางผู้บังคับบัญชาจึงได้ทำการซักถามจนทราบว่า จ.ส.ต.ศิระกร ได้ทำการเสพยาบ้ามา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ (191) บก.สปพ.จึงได้ทำการนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ผลการตรวจสอบพบว่ามีสารเสพติดประเภท 1 หรือ เมทแอมเฟตามีน(ยาบ้า) ในร่างกาย จึงนำตัวจ.ส.ต.ศิระกร ส่งพนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จนกระทั่งวันที่ 22 ก.พ. ทางพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ควบคุมตัว จ.ส.ต.ศิระกร ส่งสถานที่เพื่อการควบคุมตัวและสถานที่เพื่อการตรวจพิสูจน์ เรือนจำกลางครองเปรม เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ตามพ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวทางบก.สปพ.พิจารณาแล้วถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 เห็นควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องดังกล่าว และจากพฤติการณ์และหลักฐานทางคดี หากให้ จ.ส.ต.ศิระกร อยู่ในหน้าที่ราชการจะเกิดความเสียหายแก่ราชการ สมควรสั่งให้พักราชการ หรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณา ซึ่งตนก็ได้ย้ำเสมอว่า หากมีตำรวจในสังกัดไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็ต้องดำเนินคดีทุกราย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่า คลิปที่ปรากฎเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันใด แต่ยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกับ จ.ส.ต.ศิระกร
อีกด้าน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. กล่าวว่า ทาง พล.ต.ต.ภาณุมาศ ได้รายงานเรื่องดังกล่าวมาที่ตนแล้ว เหตุการณ์ที่ จ.ส.ต.ศิระกร ถูกจับกุม กับเหตุการณ์ในคลิปเป็นคนละเหตุกัน โดยก่อนถูกจับกุม 1 วัน จ.ส.ต.ศิระกร ได้ไปเยี่ยมพ่อตาที่ ร.พ.และไปมีปัญหากับ รปภ. ต่อมาวันที่ 20 ก.พ. สน.พญาไท ได้รับแจ้งจาก ร.พ. ว่ามีชายพกอาวุธปืนเข้ามา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตรวจสอบและจับกุม ซึ่งชายคนดังกล่าวไม่ได้แต่งเครื่องแบบและมีอาวุธปืน ตอนแรกยังไม่ทราบว่าเป็นตำรวจ จึงเชิญตัวมาที่ สน.พญาไท หลังจากดำเนินคดีที่ สน.พญาไท ก่อนแจ้งทางต้นสังกัดให้ทราบและมารับตัวไปทำการตรวจปัสสาวะจึงพบสารเสพติด
พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนต่อไป ทาง ผกก. จะต้องทำรายงานถึง พล.ต.ต.ภาณุมาศ ว่าผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจอยู่ในความปกครองของ บก.สปพ. ซึ่ง พล.ต.ต.ภาณุมาศ จะทำรายงานถึงตน แต่ตอนนี้ก็ให้มีคำสั่งปลดออกไว้ก่อน และให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อกระบวนการเสร็จสิ้นจะมีการพิจารณาโทษอีกครั้งหนึ่ง ส่วนผู้บังคับบัญชาในระดับ รองสว. และ สว. ก็ต้องถูกพิจารณาข้อบกพร่องตามระเบียบ 1212/2537 ว่ามีการปล่อยปะละเลยไม่สอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาจนไปกระทำความผิดหรือไม่ ต่อไป