ยื่นหนังสือรองเลขาสภาพัฒน์ ค้านยุติโรงไฟฟ้ากระบี่-เทพา

ยื่นหนังสือรองเลขาสภาพัฒน์ ค้านยุติโรงไฟฟ้ากระบี่-เทพา

เครือข่ายคนเทพาฯ เข้ายื่นหนังสือแถลงการณ์ผ่านรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ค้านยุติโรงไฟฟ้ากระบี่-เทพา

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.61 ที่โรงแรมสยามออเรียลทัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กลุ่มเครือข่ายคนเทพาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มเครือข่ายประชาชนชาวเทพา 66 องค์กร ประมาณ 50 คนนำโดย นายหลี สาเมาะ ประธานเครือข่ายคนเทพาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมตัวถือป้ายสนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และเข้ายื่นหนังสือแถลงการณ์ผ่าน นายดนุชา พิชยนันท์รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในระหว่างเดินทางมาประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นแผนยุทธสาสตร์ชาติเบื้องต้น ผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเครือข่ายปกป้องสองฝั่งทะเลกระบี่-เทพา ยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน

โดยในแถลงการณ์สรุปว่าทางเครือข่ายคนเทพา เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มเครือข่ายประชาชนชาวเทพา 66 องค์กร ไม่เห็นด้วยกับการลงนามในบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เพราะเสียงส่วนใหญ่ของคนเทพาเห็นด้วยกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของอำเภอเทพาให้ทัดเทียมกับอำเภออื่นๆเพราะปัจจุบันอำเภอเทพามีรายได้ประชากรต่ำสุดในจ.สงขลา การพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินอำภอเทพา จึงเป็นความหวังของชาวเทพา ที่สำคัญกลุ่มต่อต้านมีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับประชากรส่วนใหญ่ของอำเภอเทพา

หลังจากนี้ทางเครือข่ายคนเทพา เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะเข้าแจ้งความดำเนินดคีกับรัฐมนตรีพลังงานตามมาตรา 157 ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นการตกลงที่เกินกว่าอำนาจของรัฐมนตรีพลังงานจึงไม่มีอานาจของ ครม. และ กฟผ. เป็นนิติบุคคลรัฐมนตรีพลังงาน จึงไม่มีอานาจไปตกลงให้ยุติคดีระหว่าง กฟผ. กับ NGOs และจะไม่ยอมรับและขอคัดค้านข้อตกลงทั้งหมดและขอเรียกร้องให้ยกเลิกและฉีกข้อตกลงดังกล่าวทิ้งไป เพราะเป็นข้อตกลงที่ขาดความชอบธรรมฝ่ายเดียวสนับสนุนร่วมด้วย

รวมทั้งจะไปยื่นต่อศาลปกครองให้ออกคาสั่งคุ้มครองชั่วคราวและไต่สวนฉุกเฉิน และตัวแทนชาวเทพาจะเดินทางไปฟังคำตอบที่หน้าทำเนียบรัฐบาลและปักหลักต่อสู้เช่นเดียวกับ NGOs จนกว่ารัฐบาลจะสั่งยกเลิกข้อตกลงดังกล่าว รวมทั้งจะยื่นถวายฎีกาเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป