“ ถาวร” กระตุก ”บิ๊กตู่” จัดการคนไม่สนองนโยบายใช้ยางพารา เห็นด้วยนโยบายหยุดกรีดยาง แนะต้องทำทั้งไตรภาคียาง
นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมาตรการของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ขอให้หน่วยราชการซื้อยางพารา ไปใช้ในหน่วยงานตัวเองทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ว่า จากตัวเลขความต้องการใช้ยางพาราสำรวจได้ว่ามีมากถึง 200,000 ตัน แต่ปรากฏว่าหน่วยงานราชการยังไม่ได้เริ่มจัดซื้อ โดยอ้างว่างบประมาณเดิมที่ใช้จัดซื้อจัดจ้างใช้ซื้องานอื่กหมดแล้ว จึงไม่มีงบประมาณจัดซื้อยางพาราได้ เท่าที่ตนได้ติดตาม มีเพียงกรมทางหลวงแผ่นดินในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่มีความจริงใจในการสนองนโยบายรัฐบาล จึงขอให้นายกรัฐมนตรีเร่งออกมาตรการเด็ดขาดโดยกำหนดให้หน่วยงานรัฐสนองตอบนโยบายการใช้ยางพาราของรัฐบาล หากยังไม่สนองตอบ ขอให้นายกฯเปิดรับตำแหน่งประจำสำนักนายกฯ หรือตำแหน่งประจำกระทรวง เอาคนที่ไม่สนองงานเข้ากรุไป พร้อมสอบสวนทางวินัยด้วย ตนขอท้าให้ทุกกระทรวงเปิดเผยยอดการใช้ยางพาราของแต่ละกระทรวงว่า ได้จัดซื้อและใช้ยางพาราไปใช้ปริมาณเท่าไหร่ สนองนโยบายจริงหรือไม่ บอกได้เลยว่า ยอดสั่งซื้อไม่ถึง 10% ของที่หน่วยงานราชการได้ประกาศไว้
นายถาวร กล่าวต่อไปว่า เมื่อนโยบายรัฐไม่ได้รับความร่วมมือ รมว.เกษตรฯ จึงคิดมาตรการให้ชาวสวนยางพาราหยุดเครียดอย่างรวม 2,000,000 ไร่เป็นระยะเวลาหกเดือนโดยจะชดเชยรายได้ให้ชาวสวนยางพารา ตกไร่ละ 1,500 บาทต่อเดือน เพื่อเป็นการสร้างความต้องการใช้อย่างของตลาดจะทำให้อย่างขาดตลาดราว300,000 ตัน ตนเห็นด้วยกับมาตรการนี้เพราะแทนที่จะทุ่มงบห้าถึง 60,000 ล้านบาทไปตั้ง แทรกแซงราคายางแต่วิธีนี้จะเป็นการจ่ายเงิน ถึงมือชาวสวนยางโดยตรงถือเป็นการแก้ไขปัญหาอีกวิธี และขอให้รมว.เกษตรฯไปพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มไตรภาคียางพารา คือมาเลเซียและอินโดนีเซียให้ใช้มาตรการหยุดกรีดยาง 6 เดือนในพื้นที่เท่าๆกัน เหมือสกับเรา เพื่อสร้างอุปสงค์อุปทานความต้องการใช้อย่างในตลาดโลกให้สอดคล้องถึงจะได้ผล
นายถาวร กล่าวอีกว่า หากจะใช้วิธีข้างต้นในประเทศไทย จำเป็นต้องใช้เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยเข้ามาช่วยคือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อยากเสนอให้ รมว.มหาดไทย ใช้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีอยู่กว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศและมีเงินสะสมกว่า 200,000 แสนล้านบาทรวมถึงงบประมาณของหน่วยที่จะทำถนนราดยางแอสฟัสติคสามารถนำร่องทำถนนเชื่อมระหว่างชุมชนหมู่บ้านตำบลโดยใช้น้ำยางพาราโดยกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพจะสามารถกระตุ้น ยางพารามาทำถนนได้อีก อย่างน้อยถึง 300,000 ตันเพื่อจะมีส่วนทำให้ราคายางพาราสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ที่ 40-43บาทต่อกิโลกรัม(กก.)จะขึ้นถึง 80 บาทต่อกก. ตามความต้องการของชาวสวนยางได้ จึงขอให้นายกฯเร่งสั่งการ ให้หน่วยงานของรัฐสนองนโยบายนี้ให้เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ถ้าเป็นรัฐบาลยุคประชาธิปไตยจะต้องมีการยื่นเป็นญัตติขออภิปรายเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางในสภาฯ ไปแล้ว จึงขอฝากสนช.ที่ทำหน้าที่แทนนักการเมืองว่า ให้มีจิตสำนึกในการรับใช้ประชาชน เช่นเดียวกับที่รับใช้ คสช. ให้สมกับรับเงินเดือนจากภาษีประชาชน