วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (21 ก.พ.61)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (21 ก.พ.61)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสปรับขึ้น หลังสต็อกสหรัฐปรับลดและตลาดคาดขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตต่อเนื่อง

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสปรับขึ้นราวร้อยละ 0.4 หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ปรับลดลง ประกอบกับตลาดตอบรับแถลงการณ์ของกลุ่มโอเปคเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลงราวร้อยละ 0.6 จากแรงกดดันของเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

+ GenScape รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ณ จุดส่งมอบคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ก.พ. 61 ปรับลดลงกว่า 2.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี เป็นผลต่อเนื่องจากปริมาณการขนส่งของท่อส่งน้ำมันดิบ Keystone ที่ปรับลดลงตั้งแต่มีการรั่วไหลในเดือน พ.ย. 60 โดยบริษัท TransCanada ซึ่งเป็นผู้ให้บริการท่อส่งน้ำมันดิบดังกล่าวเผยว่า ในปัจจุบันได้ให้บริการขนส่งน้ำมันดิบด้วยแรงดันที่ต่ำกว่าปกติ และยังไม่สามารถเพิ่มการขนส่งผ่านทางรถไฟได้จากความหนาแน่นของการให้บริการ

+ นาย Suhail al-Mazroui ประธานกลุ่มโอเปค เผยว่า ผู้ผลิตน้ำมันดิบโอเปคและนอกโอเปคเล็งหารือถึงการขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตต่อไปจากปี 61 ในการประชุม ณ กรุงเวียนนา เดือน มิ.ย. ที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย

+ นาย Ayed Al Qahtani หัวหน้าหน่วยวิเคราะห์ของกลุ่มโอเปค เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (OECD) ได้ปรับลดลงอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับเหนือค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เพียง 74 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นในประเทศอินเดีย ประกอบกับการส่งออกของประเทศจีนในช่วงเวลาปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากอยู่ระหว่างช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยถูกกดดันจากอุปทานของประเทศอินเดียและตะวันออกกลางที่เข้าสู่เอเชีย หลังไม่สามารถส่งออกสินค้าไปยังตะวันตกได้เนื่องจากขาดความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 59 - 64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ ปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าต้นทุนการผลิต โดย Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ก.พ. 61 ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับที่สูงสุดในรอบ 3 ปี
  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน จากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่ปรับลดลงในช่วงการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในสหรัฐ ประกอบกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย EIA รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ก.พ. ปรับเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล มาแตะระดับ 422.1 ล้านบาร์เรล
  • การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังผู้ผลิตเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิต โดยในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 137% ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าที่ 99% หลังซาอุดิอาระเบียเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิต นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตของเวเนซุเอลาปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปีที่ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากผลกระทบของวิกฤติทางเศรษฐกิจและการคว่ำบาตรของสหรัฐ

---------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)         

        โทร.02-797-2999