"ดีเอสไอ" ยอม "ทนายโอ๊ค" อนุมัติสอบปากคำพยานเพิ่มตามที่ขอ แต่ขีดเส้นต้องนำพยานเข้าสอบให้เสร็จภายใน 15 มี.ค.นี้ ไม่มาถือว่าสละสิทธิ์
นายขจรศักด์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงินจากการทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย กับกลุ่มของนายนายพานทองแท้ ชินวัตรว่า ที่ประชุมมีมติให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานเพิ่มเติมทั้งหมด 9 ปาก ตามที่ทนายความของนายพานทองแท้ได้ยื่นบัญชีพยานขอให้สอบเพิ่ม ซึ่งเดิมได้ขอไว้จำนวน 21 ปาก แต่พิจารณาแล้วเห็นว่าควรสอบปากคำเฉพาะพยานที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงเพียงแค่ 8 ปาก ซึ่งพยานในกลุ่มแรกนี้ได้เข้ามาให้ปากคำเพียง 6 ปาก ขาดอีก 2 ปาก ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมาทนายของนายพานทองแท้ได้ยื่นบัญชีพยานขอให้สอบเพิ่มอีก 3 ปาก พนักงานสอบจึงเห็นว่าเพื่อให้ได้ข้อยุติจึงรับไว้สอบปากคำเพิ่มเติมทั้งหมด แต่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าฝ่ายผู้ต้องหาต้องประสานให้พยานทั้งหมดมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 มี.ค.นี้. หากไม่มาตามกำหนดนัดจะถือว่าสละสิทธิ์ เพราะหากยังยืดเยื้อต่อไปและมีการขอยื่นบัญชีพยานเพิ่มขึ้นอีกจะทำให้คดีขาดอายุความ
" พนักงานสอบสวนได้ให้สิทธิผู้ต้องหาในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ก็ต้องเคารพสิทธิของคณะพนักงานสอบสวนในการทำคดีด้วย"นายขจรศักดิ์กล่าว
นายขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีฟอกเงินจากการทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยนั้น คณะพนักงานสอบสวนใช้เอกสารการเงินของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งได้ทำการตรวจสอบเส้นทางเงินอย่างละเอียดและรอบคอบ. ไม่ใช่พยานบุคคล หลังจากสอบปากคำพยานเสร็จสิ้นในวันที่ 15 มี.ค. แล้ว คณะพนักงานสอบสวนต้องใช้เวลาในการสรุปสำนวนคดีเพื่อให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษพิจารณา ส่วนพนักงานอัยการอาจมีความเห็นสั่งสอบพยานเพิ่มเติมอีกหรือไม่ก็แล้วแต่ดุลยพินิจ และผู้ต้องหายังมีสิทธิ์ไปยื่นขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการได้ ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ปลายเดือนมีนาคมนี้ ก่อนทราคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในเดือนธ.ค.61