“นิสสัน ลีฟ” ยกระดับเทคโนฯ  รองรับใช้งานชีวิตประจำวัน

“นิสสัน ลีฟ” ยกระดับเทคโนฯ   รองรับใช้งานชีวิตประจำวัน

ผู้บริหารประกาศแผนขยายตลาด "ลีฟ" อีก 7 ประเทศ รวมถึงไทย ภายในกรอบเวลาตั้งแต่เดือน เม.ย.ปีนี้ ถึง มี.ค. ปีหน้า 

       แม้ว่าปัจจุบันจะมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความพร้อมหรือไม่พร้อมสำหรับรถกลุ่มนี้ในตลาดเมืองไทย โดยเฉพาะประเด็นราคา และความพร้อมของจุดชาร์จไฟที่ยังไม่แพร่หลาย แต่การที่นิสสันกล้าประกาศแผนดังกล่าว ก็น่าบ่งบอกถึงความมั่นใจในการเปิดตลาด และอาจจะเป็นการบ่งบอกถึงช่องทางการทำตลาด โดยไม่ต้องพึ่งพาจุดชาร์จสาธารณะ

“นิสสัน ลีฟ” ยกระดับเทคโนฯ   รองรับใช้งานชีวิตประจำวัน

       ช่วงปลายเดือน ม.ค. ผมเดินทางไปเกาะเตเนริเฟ่ ในหมู่เกาะคานารี ของสเปน แม้ว่าจะอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่สเปนถึง 1,000 กม. แต่ใกล้ชายฝั่งแอฟริกาแค่ 100 กม. ก็ตาม เพื่อร่วมงานที่นิสสัน ยุโรป จัดขึ้น คือ "Nissan Electric Ecosystem Experience" ซึ่งที่นี่ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวสิ่งใหม่ๆ ที่จะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคตอย่างพลังงานไฟฟ้า 

“นิสสัน ลีฟ” ยกระดับเทคโนฯ   รองรับใช้งานชีวิตประจำวัน

       ทางนิสสันบอกว่า ลีฟ เจนเนอเรชัน 2 พัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิมอย่างมาก รวมถึงคุณสมบัติของแบตเตอรีที่มีพลังงานไฟฟ้าเพิ่มจาก 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง เป็น 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง นั่นหมายถึงจะสามารถใช้งานได้ไกลขึ้น โดยลีฟเป็นรถรุ่นแรกที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานรถน้ำหนักเบาระดับโลกหรือ WLTP สามารถเดินทางได้ 270 กม. ในการทดสอบการขับขี่แบบผสมผสานในเมืองและนอกเมือง และ 415 กม. นการขับขี่ในเมืองต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นการใช้งานที่เพียงพอต่อการในชีวิตประจำวันของคนเมืองที่โดยเฉลี่ยประมาณ 40 กม./วันเท่านั้น หรืออย่างมากก็ไม่เกิน 80 กม. ซึ่งก็ทำให้ไม่จำเป็นต้องหาที่ชาร์จนอกบ้านแต่อย่างใด และเป็นผลให้นับตั้งแต่เปิดตัวในยุโรป 90 วัน ลีฟใหม่มียอดจองกว่า 12,000 คัน

       อย่างไรก็ตามในยุโรป นิสสัน ซึ่งมีจุดชาร์จแพร่หลายในบางพื้นที่ นิสสันก็พยายามที่จะร่วมมือกับพันธมิตรสร้างจุดชาร์จให้ครอบคลุมเส้นทางหลัก เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางไกลอีกด้วย 

“นิสสัน ลีฟ” ยกระดับเทคโนฯ   รองรับใช้งานชีวิตประจำวัน

       นิสสัน บอกว่าลีฟ ใหม่สะท้อนแนวคิดนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ จะเป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ขับขี่ใหม่ทั้งหมดเพื่อการเดินทางของผู้คนด้วยความสนุกสนาน มั่นใจ และเชื่อมต่อกับโลกได้รอบด้าน โดยที่กระบวนการพัฒนากำหนดเสาหลัก 3 ด้าน เริ่มจาก 1.อินเทลลิเจนท์ พาวเวอร์ ที่นอกจากพลังงานไฟฟ้าเพิ่ม 40 กิโลวัตต์ชั่วโมงแล้ว ยังพัฒนาให้มอเตอร์มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 2.อินเทลลิเจนท์ ไดรฟ์วิ่ง ยกระดับความมั่นใจในการขับขี่และความปลอดภัย พร้อมลดความตึงเครียด  และ 3.นิสสัน อินเทลลิเจนท์ อินเทเกรชั่น การเชื่อมโยงระหว่างรถยนต์กับสังคมที่กว้างขวางมากขึ้นผ่านการเชื่อมต่อและโครงข่ายไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีการชาร์จไฟ 2 ทิศทาง หมายถึงไม่ได้เป็นฝ่ายรับไฟอย่างเดียว แต่สามารถจ่ายไฟกลับให้กับบ้านหรือชุมชนได้ด้วย 

       นิสสันยังเคยนำลีฟไปเป็นแหล่งกำเนิดไฟในสนามฟุตบอล และได้ของแถมกลับมาคือกองเชียร์ฝ่ายแพ้ก่อเรื่องจลาจล และ ลีฟ ถูกเผา แต่อาจจะกลายเป็นเรื่องดี เพราะนิสสันยกแบตเตอรีที่ไม่เส่ียหายออกจากซากรถไปใส่ในรถคันใหม่ ปรากฏว่ามันยังใช้งานได้ เป็นการยืนยันถึงความปลอดภัย รวมถึงการทดสอบทิ้งลงจากที่สูงก็ทำมาแล้ว และยืนยันได้ถึงความปลอดภัยในการใช้งานเช่นกัน 

“นิสสัน ลีฟ” ยกระดับเทคโนฯ   รองรับใช้งานชีวิตประจำวัน

       นิสสันบอกว่า ส่วนความสามารถในการใช้งานนั้น ตัวแปรเรื่องของอากาศที่ร้อนไม่มีผลมากนัก อากาศที่หนาวเย็นจัดมีผลกระทบมากกว่า ขณะที่อายุใช้งานมั่นใจว่ายาวนาน โดยบริษัทรับประกันให้ลูกค้า 8 ปี และหลังจากนั้นหากแบตเตอรีเสื่่อมสภาพ ก็จะนำมาปรับปรุงเพื่อทำเป็น xStorage หรือ เครื่องประจุไฟในบ้านแทน รองรับบ้านหรืออาคารที่ติดตั้งโซลาเซลส์จะได้มีไฟฟ้าไว้ใช้งาน นอกจากนี้ยังริเริ่มโครางการทดลองในแอฟริกาที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึงด้วยการนำ xStorage ไปติดตั้งให้กับผู้คนที่นั่นได้เก็บไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์เอาไว้ใช้

       และไม่ว่าจะเป็น xStorage หรือว่าเป็นนิสสัน ลีฟ หากใครจะเลือกชาร์จไฟในช่วงราคาถูก แล้วเอาไว้ใช้ในช่วงราคาไฟแพงก็ทำได้เช่นกัน 

“นิสสัน ลีฟ” ยกระดับเทคโนฯ   รองรับใช้งานชีวิตประจำวัน

       การเดินทางมาเตเนริเฟ่ ไม่ได้แค่ร่วมงานเท่านั้น แต่มีโอกาสได้ทดลองขับ และเป็นการขับแบบจริงจัง และมีอิสระในการขับตามใจเรา ซึ่งถือว่าเป็นรถที่น่าสนใจมากที่เดียว แล้วเดี๋ยวผมจะมาเล่าให้ฟังถึงผลการขับขี่ และหาคำตอบว่า แนวคิดที่จะเปิดตลาดในบ้านเรานั้น พร้อมหรือยัง

“นิสสัน ลีฟ” ยกระดับเทคโนฯ   รองรับใช้งานชีวิตประจำวัน