'ชวลิต' จี้นายกฯ-ครม. แสดงสปิริต หลัง4ปีบริหารเหลว

'ชวลิต' จี้นายกฯ-ครม. แสดงสปิริต หลัง4ปีบริหารเหลว

"ชวลิต" ชี้ นายกฯ เป็นโรคเลื่อน ครม. กล่าวโทษกันเอง โกง เป็นดอกเห็ด จี้ นายกฯ คืนอำนาจประชาชน

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.61 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้เกิดวิกฤติศรัทธายังศูนย์กลางอำนาจของรัฐบาล ผู้นำรัฐบาลและรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล คือ 1.ผู้นำรัฐบาลไม่รักษาสัจจะ ไม่รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนและชาวโลกในประเด็นเลื่อนการเลือกตั้งหลายครั้ง ไปญี่ปุ่นบอกเลือกตั้งปี 59 ไปยูเอ็นบอกเลือกตั้งปี 60 ไปอเมริกาบอกเลือกตั้งปี 61 ปัจจุบันมีแนวโน้มจะเลื่อนเป็นปี 62 จะเห็นได้ว่าเลื่อนมาตลอด หากสัญญาอีก จะไม่มีใครเชื่อ จึงอย่าไปต่อว่านักศึกษาที่อยากเลือกตั้ง 2.รัฐมนตรีในคณะรัฐบาล บริภาษกันเองข้ามทวีปด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า "อย่างหนา ตราช้าง" เป็นข่าวฉาวน่าอับอายไปทั่วโลก แต่เมื่อถูกผู้นำรัฐบาลไกล่เกลี่ยเพื่อให้เรื่องจบ รัฐมนตรีผู้บริภาษจึงเอ่ยปากขอโทษ ผลที่ไม่คาดก็คือ ยังนั่งประชุม ครม.ร่วมกันได้ตามปกติอย่างไม่อายประชาชนและชาวโลก

ทั้งนี้ วิกฤติศรัทธาทั้งสองประการ ละเมิดคุณธรรม จริยธรรมของผู้บริหารประเทศ เป็นการกระทำด้วยตัวเองทั้งสิ้น ไมได้ถูกกลั่นแกล้ง ส่งผลทำลายความเชื่อมั่นประเทศอย่างรุนแรงตามมา ปัจจุบันรัฐบาลได้บริหารประเทศมาจะครบ 4 ปี มีปัญหานโยบายสำคัญ คือ ปัญหาการทุจริต คอรัปชั่น ที่เกิดขึ้นราวดอกเห็ด ทั้งๆที่อ้างว่าเข้ามาปราบโกง แม้แต่รัฐธรรมนูญยังตั้งสมญากันว่า "รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง"

นอกจากนี้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้รายงานผลดัชนีคอรัปชั่นไทย เดือนธ.ค.60 พบว่ารุนแรงสุดในรอบ 3 ปี พร้อมทั้งระบุมีเงินใต้โต๊ะที่เอกชนต้องจ่ายเฉียด 200,000 ล้านบาท เฉลี่ยอยู่ที่ 5 - 15% ของมูลค่าโครงการ สร้างความเสียหายต่อ GDP 0.41 - 1.23% รายงานของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยดังกล่าว สะท้อนความล้มเหลวของนโยบายปราบปรามการทุจริต คอรัปชั่น ของรัฐบาลลงอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตามถึงเวลาที่ผู้นำรัฐบาลและคณะจะเสียสละแสดงสปิริตความรับผิดชอบให้คนรุ่นหลังได้เห็นว่า ไม่ยึดติดในตำแหน่ง ด้วยการคืนอำนาจแก่ประชาชน เฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศของเรายังมีงานสำคัญรออยู่ ควรได้รัฐบาลจากประชาชนที่จะส่งเสริมให้ประเทศมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ในฐานะคนไทยคนหนึ่งอยากเห็นสปิริตด้วยการได้ยินคำว่า "ผมพอแล้ว"