จ่อชงตั้งอนุกรรมการไต่สวนสอบโกงเงินคนไร้ที่พึ่ง 3อ.เชียงใหม่

จ่อชงตั้งอนุกรรมการไต่สวนสอบโกงเงินคนไร้ที่พึ่ง 3อ.เชียงใหม่

ป.ป.ท.ภาค5 จ่อชงกรณีทุจริตเงินผู้ยากไร้ 3อ.เชียงใหม่ ส่งบอร์ดตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ก่อนขยายผลทุกอำเภอ เดินหน้าทุกจังหวัดในภาคเหนือต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในรัฐ หรือ ป.ป.ท. โดย ป.ป.ท.ภาค 5 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ การทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ไร้ที่พึ่งพิงฯ ในพื้นที่ อ.สันป่าตอง อ.สันกำแพง และอ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นการสุ่มตรวจสอบการทุจริต ตามบัญชีรายชื่อผู้ขอรับความช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่พึ่งพิง เพื่อรับเงินสงเคราะห์จากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ซึ่งพบว่ามีการทุจริตเช่นเดียวกันกับกรณีที่ภาคอีสาน และคาดว่าจะทำเป็นขบวนการทั่วทุกภาคในประเทศ ซึ่งจากการสุ่มตรวจสอบ ใน อำเภอก็พบว่า มีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ทุกพื้นที่ที่สุ่มตรวจสอบ

ส่วนใหญ่ เป็นการแอบอ้างใช้ชื่อสวมสิทธิ์ ปลอมลายมือชาวบ้านเซ็นรับเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้ และผู้ติดเชื้อ HIV ที่จะได้คนละ 2,000-3,000 บาท ไปใช้เบิกเงินช่วยเหลือผู้ไร้ที่พึ่งฯ โดยไม่ได้รับเงิน หรือได้รับเงินพียงบางส่วน แต่กลับมีหลักฐานการได้รับเงินสมบูรณ์ โดยแบ่งเป็น 4 รูปแบบ คือ 1.ถูกปลอมแปลงเอกสารทั้งหมด โดยไม่รู้เรื่องเลย 2.ยื่นเอกสาร แต่ไม่ได้รับเงิน 3. ยื่นเอกสารได้รับเงิน แต่ไม่ครบจำนวน 4.ยื่นแล้ว ได้รับเงิน แต่ไม่มีคุณสมบัติตรงกับที่ระเบียบกำหนด โดย ใน อ.สันป่าตอง มีการแอบอ้างชื่อ ไม่ต่ำกว่า 30 ราย อ.สันกำแพง 23 ราย และที่ อ.ฝาง 16 ราย คาดว่าในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ น่าจะมีเหยื่อไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย

นายกฤษณ์ กระแสเวส ผอ.ป.ป.ท.เขต5 เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน การสอบปากคำชาวบ้านที่เป็นผู้เสียหาย ถูกปลอมแปลงเอกสารชื่อ ดังกล่าว นำเสนอเข้าสู่ ป.ป.ท.ส่วนกลาง เพื่อดำเนินการอนุมัติจัดตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนทุจริต ในพื้นที่ 3 อำเภอ ในจ.เชียงใหม่ คาดว่าน่าจะสามารถตั้งคณะอนุกรรมการได้ในเวลา ไม่เกิน 2 สัปดาห์ และในระหว่างนั้น ก็จะดำเนินการส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบใน อำเภออื่นๆในจังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง ให้ครบทุกอำเภอ คาดว่าจะตรวจเจอทุจริตอีกจำนวนมาก แม้ว่าจะต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่ก็ต้องดำเนินการให้ละเอียดรอบคอบ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่เดือดร้อนอยู่แล้ว และยังมาถูกเอาเปรียบโดนเบียดเบียนถูกสวมสิทธิ์ที่ควรจะได้

นอกจากนั้น ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ก็จะมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าสุมตรวจสอบ ในจังหวัดอื่นๆในพื้นที่ภาคเหนือต่อไป โดยจังหวัดแรกคือ จ.น่าน ก่อนจะขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ เช่น ลำปาง เชียงราย ตามลำดับ ซึ่งคาดว่า น่าจะตรวจพบการทุจริตอีกจำนวนมาก ซึ่งทุกกรณีจะต้องเรียบเรียงเอกสารให้ครบถ้วนก่อนที่จะเข้าสู่คณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อนำส่งต่ออัยการสั่งฟ้องผู้ที่กระทำความผิด และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างถึงที่สุดต่อไป