ใกล้ถึงกาลอวสาน 'ตลาดโรงเกลือ'

ใกล้ถึงกาลอวสาน 'ตลาดโรงเกลือ'

ใกล้ถึงกาลอวสาน "ตลาดโรงเกลือ" ลูกค้าบางตา ผู้ค้าหันไปขายสินค้าตลาดอื่นแทน จากการที่ถูกเจ้าหน้าปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างหนัก

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.61 นายบำรุง ล้อเจริญวัฒนะชัย ประธานสภาหอการค้าจังหวัดสระแก้ว ยอมรับว่า ขณะนี้ตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว เงียบเหงาและซบเซาลงกว่าแต่ในอดีตถึงร้อยละ 80 ทั้งคนที่มาจับจ่ายซื้อสินค้า รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้าที่มาเปิดร้านค้าขายของ เนื่องจากสินค้าที่ขายดีอันดับหนึ่ง หรือเป็นจุดขายของโรงเกลือ คือสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งสินค้าบางชนิดราคาถูกกว่าประเทศจีนด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้คนหันมาซื้อสินค้าที่ตลาดโรงเกลือ แต่ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ปราบปรามจับกุมจนไม่เหลือ ทำให้ตลาดเงียบเหงาลงอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ส่วนสินค้ามือสอง หรือสินค้าแบรนเนมก็หายากขึ้น เพราะสินค้าถูกกระจายไปในหลายๆประเทศ

ในอดีตพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดขายสินค้าในตลาดโรงเกลือ มีอยู่หลายพันห้อง ราคาค่าเช่าก็สูงถึงเดือนละ 3-4 หมื่นบาทต่อห้อง แต่ปัจจุบันเหลือเพียง300-400 ห้อง ราคาห้องละ7000 บาท ก็ยังไม่มีผู้ค้ารายใดอยากจะเช่า ที่เหลือก็ปิดตัวย้ายไปขายที่ตลาดไพริน จังหวัดจันทบุรี หรือตามชายแดนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งข้ามไปขายฝั่งประเทศกัมพูชาแทน ซึ่งตนเองยืนยันได้ว่าอีกไม่นานนี้ตลาดโรงเกลือมีแนวโน้มปิดตัวอย่างที่เป็นกระแสข่าวอย่างแน่นอนจึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอลุ่มอลวยสินค้าบางประเภทที่เป็นจุดขายของตลาดโรงเกลือ เพื่อให้พ่อค้าแม่ได้ขาย ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าจะทำให้ตลาดฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น

นายบำรุง ยังบอกอีกว่า ตลาดโรงเกลือเปิดมาตั้งแต่ปี 2536 มีรายได้หมุนเวียนภายในตลาดวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเหลือเพียงวันละ 30 ล้านบาทเท่านั้น ลดไปประมาณร้อยละ 70

ขณะที่นางลำพึง พัดกลม แม่ค้าขายผลไม้ดองในตลาดโรงเกลือ ยอมรับว่า ขายผลไม้ที่ตลาดแห่งนี้มานานถึง 8 ปี แต่ก่อนตลาดคึกคักไปด้วยผู้คน พ่อค้าแม่ค้าแย่งที่ขายสินค้า แต่ปัจจุบันประชาชนไม่ค่อยมาจับจ่ายซื้อสินค้า อาจด้วยเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้ผู้คนไม่กล้าใช้เงินมากนัก รวมไปถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น อีกทั้งผู้ค้าบางรายที่ขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ก็ถูกเจ้าหน้าที่ปราบปรามจับกุม ทำให้ขายสินค้าไม่ได้ ร้านค้าบางร้านก็ปิดตัวลง เธอจึงเชื่อว่า ในอนาคตตลาดโรงเกลืออาจปิดตัวลง และเธอก็จะต้องไปขายสินค้าที่ตลาดแห่งอื่นแทน ก็เป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันว่าตลาดเบอร์1 ของไทยในอดีตจะเป็นแค่เพียงความทรงจำ