ราชทัณฑ์ออกคำสั่งห้ามผู้คุม - เมีย ขายของให้นักโทษ ปิดช่องทุจริต-บังคับซื้อของ
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการราชทัณฑ์ครั้งที่1/ 2561 ว่า คณะกรรมการฯได้ร่วมพิจารณาร่างกฎหมายลำดับรองออกตามกฎหมายพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการรายงานผลการดำเนินงาน ตามนโยบายกรมราชทัณฑ์ให้ที่ประชุมทราบซึ่งเน้นนโยบาย 3 ส. คือ ส.สะอาด ส.สุจริต ส.เสมอภาค เช่น การให้ยกเลิกอาหารฝากขายของผู้คุมและครอบครัวในเรือนจำเนื่องจากเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน โดยให้มีผลภายในวันที่ 1 พ.ค.นี้ การประกาศห้ามมิให้ผู้คุมทำการซ้อมทรมาน หรือการกระทำใดๆ ที่เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เพื่อเป็นการสนองนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศให้การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าเป็นวาระแห่งชาติ
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวถึงกรณีห้ามผู้คุมและครอบครัวขายของในเรือนจำว่า ตนได้ยกเลิกระเบียบราชทัณฑ์ ที่ใช้มาตั้งแต่พ.ศ. 2513 ในการขายของให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ เนื่องจากในอดีตมีปัญหาเรื่องอาหารการกินของนักโทษ อีกทั้งเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้ภรรยาผู้คุมที่อยู่บ้านเฉยๆไม้ได้ทำงาน จึงมีการออกระเบียบดังกล่าว ให้สามารถทำอาหารมาขายให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำได้ แต่ปัจจุบันเมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยนไประเบียบดังกล่าวจึงกลายเป็นเรื่องของการจัดโค้วต้า ให้ผู้คุมขายของให้นักโทษ ซึ่งไม่ค่อยเหมาะสมและมีผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้งนี้มีผู้คุม 4,500 คน ได้ประโยชน์จากมูลค่าการซื้อขายต่อเดือน 122 ล้านบาท ในเรือนจำ 90 แห่ง ที่ยังคงมีโค้วต้าดังกล่าว ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริต
“ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะยกเลิกระเบียบในลักษณะดังกล่าวแต่ติดขัดปัญหามาตลอด แต่ช่วงนี้เหมาะสมที่สุด เพราะผู้คุมได้รับอนุมัติให้ได้รับเบี้ยเสี่ยงภัย สำหรับผู้คุมถ้าทำงานเต็มเวลา 6,500 บาท หรือครึ่งเวลา 3,300 บาท ไม่จำเป็นต้องไปหารายได้พิเศษ อีกทั้งการกระทำดังกล่าวเป็นช่องว่างให้ มีสิ่งของต้องซุกซ่อนเข้าไปในเรือนจำ ตอนนี้ภรรยาผู้คุมไม่มีใครมานั่งห่อใบตอง ทำอาหารส่งเข้าเรือนจำ เหมือนสมัยก่อน มีงานมีการทำหมดแล้ว ผมเชื่อว่าผู้บัญชาเรือนจำทั่วประเทศ เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ และเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือ เพราะเป็นการยกระดับความเป็นมาตรฐานงานราชทัณฑ์ การขายของไม่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเท่าไรเหมือนบังคับในนักโทษซื้อของ เพราะถ้าไม่ซื้อก็จะมีอะไรหลายๆ อย่างตามมา ที่ผ่านมาก็มีเรื่องร้องเรียนมายังกรมราชทัณฑ์ตลอด" พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีการตั้ง ศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานทำ (Care : center For Assistance To Reintegration and Employment) ขึ้นในทุกเรือนจำ 143 แห่ง เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องขังที่พ้นโทษหรือญาติพี่น้องที่มีความประสงค์จะหางาน ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อลดโอกาสในการที่จะกลับมากระทำผิดซ้ำอีกด้วย อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์รับผิดชอบผู้ต้องขังจำนวนทั้งสิ้น 334,931 (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561) ในเรือนจำ 143 แห่งทั่วประเทศ และกำลังพยายามที่จะแก้ไขพฤตินิสัยของคนเหล่านี้ให้กลับมาเป็นคนดีของสังคมอีกครั้งเมื่อพ้นโทษ โดยได้มีการปรับปรุง และจัดระบบบริหารจัดการใหม่หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งมีการลงโทษเจ้าหน้าที่ ทั้งไล่ออก ปลดออก และให้ออกจากราชการไปแล้วถึง 32 ราย ในรอบ 4 เดือนเศษ