ส่อโทษหนัก 'ขรก.ซี9 ดีเอสไอ' ขั้นไล่ออก คดีข่มขืนสาวนักธุรกิจ

ส่อโทษหนัก 'ขรก.ซี9 ดีเอสไอ' ขั้นไล่ออก คดีข่มขืนสาวนักธุรกิจ

"บิ๊กยธ." ย้ำกม.กำหนดเวลาอีก180วัน รู้ผลสอบวินัย "ขรก.ซี 9 ดีเอสไอ" คดีข่มขืนสาวนักธุรกิจ หากผิดโทษปลดออกถึงไล่ออก

กระทรวงยุติธรรม -16 ก.พ.61. นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวง เปิดเผยถึงกรณีนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แจ้งความดำเนินคดีกับข้าราชการ ซี 9 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฐานข่มขืนกระทำชำเรา ว่า ดีเอสไอได้รายงานมายังปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงไปแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 61 และได้แจ้งคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาลงนามรับทราบคำสั่งแล้ว ปัจจุบันเรื่องอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐานจากผู้ถูกกล่าวหา และวางแนวทางการกำหนดประเด็นการสอบสวน ซึ่งดูตามตารางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการฯ แล้วจะเริ่มประชุมนัดแรกในสัปดาห์หน้า และถ้าหากมีพยานหลักฐานชัดเจน ไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อนหรือประเด็นข้อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง กระบวนการสอบสวนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายใน 180 วันตามที่กฎหมายกำหนด

นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า ตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม ถ้าหากข้อกล่าวหาของข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่หรือเป็นอุปสรรคในการสอบสวน กระทรวงสามารถมีคำสั่งให้พักราชการข้าราชการดังกล่าวไว้ก่อนก็ได้ ซึ่งจากพิจารณาเบื้องต้น กรณีดังกล่าวมิได้เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ทางราชการและยังไม่พบว่าเป็นอุปสรรคในการสอบสวนทางวินัยแต่ประการใด

อย่างไรก็ตาม การสอบวินัยร้ายแรงดังกล่าวมิได้เกี่ยวข้องกับการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา แต่เป็นการดำเนินการทำคู่ขนานกันไป หากผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงเป็นการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจริง โทษวินัยร้ายแรงจะมี 2 สถาน คือ ปลดออก ซึ่งเป็นการลงโทษให้พ้นจากราชการ โดยได้รับบําเหน็จ บํานาญเสมือนผู้นั้นลาออกจากราชการ หรือไล่ออก ซึ่งเป็นการลงโทษให้พ้นจากราชการ โดยไม่ได้รับบําเหน็จ บํานาญ แต่ถ้าหากผู้ถูกกล่าวหาต้องคำพิพากษาให้จำคุกก็จะต้องไล่ออกสถานเดียว การลงโทษเพียงแค่ตัดเงินเดือนตามประเด็นข่าวจึงไม่ใช่เป็นข้อเท็จจริงอย่างไรก็ตามกระทรวงยุติธรรมก็จำเป็นต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกร้องด้วยเช่นกัน และขอยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการภายใต้กรอบเวลาของกฎหมาย