'ทิชา' บุกยื่น8หมื่นชื่อจี้ 'บิ๊กป้อม' ลาออก

'ทิชา' บุกยื่น8หมื่นชื่อจี้ 'บิ๊กป้อม' ลาออก

"ทิชา" บุกยื่น 8 หมื่นชื่อ จี้ "บิ๊กป้อม" แสดงสปิริตลาออกรับผิดชอบปมร้อนนาฬิกาหรู ลั่นถ้ารัฐบาล-ป.ป.ช.ยังเฉย อาจนำไปสู่หายนะ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 16 ก.พ.61 ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานก.พ. นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) นำรายชื่อประชาชนที่รวบรวม ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.-15 ก.พ.ผ่านทางเว็บไซต์ Change.org จำนวน 80,018 รายชื่อ ยื่นต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เพื่อเรียกร้องให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่ง จากกรณีที่ไม่ชี้แจงนาฬิกาในบัญชีทรัพย์สินราคากว่า 30 ล้านบาท ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชนเป็นตัวแทนรับหนังสือ

ภายหลังยื่นหนังสือ นางทิชา กล่าวว่า กรณีนี้ทำให้ประชาชนจำนวนมากยอมรับไม่ได้ เพราะป.ป.ช.ทำหน้าที่เหมือนผงฟอกขาวให้ พล.อ.ประวิตร สร้างความไม่มั่นใจในการที่จะทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรงหรือไม่ รวมถึงหมดความไว้วางใจ เช่นคำกล่าวที่ว่าถ้านาฬิกายืมมาไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน หากนี้เป็นบรรทัดฐานที่ถูกวางไว้จริงในประเทศไทย ต่อไปนี้จะเป็นช่องทางที่เอื้อให้นักการเมืองระดับสูงและข้าราชการจะใช้ช่องทางนี้ต่อไป เป็นความความเสียหายอย่างร้ายแรง

นางทิชา กล่าวต่อว่า นายกฯเคยกล่าวเอาไว้ในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากลวันที่ 9 ธ.ค.60 นายกฯบอกว่าคนไทยไม่ทนต่อการโกง เป็นคำพูดที่นายกฯพูดเอง คนไทยและตนเชื่อว่าต้องเป็นคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ์ และถ้าคำพูดนี้ไม่ศักดิ์สิทธิ์แสดงว่าผู้นำประเทศไทยไว้วางใจไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว และนายกฯยังขอร้องให้คนไทยลดลาวาศอกลงบ้าง ทั้งหมดเป็นความรู้สึกไม่เชื่อมั่นต่อผู้นำจึงเป็นเหตุผลที่ต้องมา เพื่อยืนยันในฐานะผู้เสียภาษี สิ่งที่เกิดขึ้นในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาเป็นความไม่เชื่อมั่นอย่างรุนแรง แต่เราไม่มีพื้นที่อภิปรายในสภาอันศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องใช้ช่องทาง Change.org และช่องทางนี้เพื่อส่งเสียงไปถึงนายกฯช่วยแก้ปัญหาประเทศนี้ให้ประชาชนสามารถไว้วางใจได้ หรือกอบกู้คืนมาให้กับพวกเราด้วย

เมื่อถามว่าขณะเดียวกันมีกลุ่มคนเข้าชื่อสนับสนุน พล.อ.ประวิตร กว่าแสนรายชื่อนั้น นางทิชากล่าวว่า เชื่อว่านักวิเคราะห์และคนติดตามข่าวสารบ้านเมืองคงวิเคราะห์ได้ว่ารายชื่อเหล่านั้นถูกจัดตั้งมาด้วยกระบวนการใดบ้าง ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิของพลเมืองอักกลุ่มหนึ่งที่สามารถทำได้ มีสิทธิที่จะออกเสียงของตัวเอง แต่เสียงที่บริสุทธิ์ยืนยันได้ว่าเราไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง แต่เรารู้สึกร้อนหนาวกับผู้นำของเราที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย และไม่โปร่งใสอันนี้สังคมต้องวินิจฉัยกันอย่างจริงจัง แต่ใครจะทำอะไรที่ไม่ละเมิดกฎหมายและไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่นก็สามารถทำได้ แต่เราก็สามารถวัดได้ว่าสิ่งนั้นทำด้วยเจตจำนงค์

เมื่อถามย้ำว่าหากการยื่นหนังสือครั้งนี้ไม่มีผลอะไรต่อรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นางทิชาตอบว่า อันนี้เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ รัฐบาลอาจจะเหลิงแก่อำนาจของตัวเองและคิดว่าอำนาจที่มีอยู่ไม่มีใครทำอะไรได้ เสียงของคน 8 หมื่นคนอาจจะเป็นแค่เสียงนกเสียงกาในความหมายของรัฐบาล แต่เมื่อใดที่รัฐทำเช่นนี้ลางแห่งหายนะก็จะมาเช่นกัน ไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนบอกว่าเมื่อรัฐไม่ฟังเสียงประชาชนจะยังเข้มแข็งต่อไปได้
เมื่อถามว่าแสดงว่าเชื่อว่าหากไม่มีการดำเนินการใดๆจะมีผลกระทบต่อรัฐบาล นางทิชากล่าวว่า ใช่ เพราะขณะนี้เราก็เห็นอยู่แล้วว่า ความเชื่อมั่นรัฐบาลเริ่มน้อยลงๆ ถ้าหากรัฐบาลยังทรนงในอำนาจที่ตัวเองมีอยู่แสดงว่าฝ่ายที่ปรึกษาและตัวรัฐบาลเองอาจประเมินสถานการณ์ผิดพลาดก็ได้ ที่สำคัญคิดว่าหากพล.อ.ประวิตรรักรัฐบาลนี้ แล้วก็เป็นพี่ที่ดี เป็นบูรพาพยัคฆ์ที่รักน้องจริงควรลาออกเสียก่อน ก่อนจะเป็นปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลนี้เสียหายกว่าเดิม อย่างกรณีในต่างประเทศทำผิดนิดเดียวก็ประกาศขอลาออกจากตำแหน่งแล้ว

นางทิชากล่าวต่อว่า บัดนี้เชื่อว่าคำว่ายืมไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเป็นแค่คำพูดที่ป.ป.ช.ปล่อยออกมา แต่ยังไม่เขียนเป็นกติกา ยังไม่ถูกเอามาตัดสิน แล้วนี้เป็นเหตุผลที่ภาคประชาชนอย่างเราต้องออกมาปกป้องมาตรฐานที่สูงกว่านั้นว่าอย่าออกมาล้ำเส้นเข้ามานะ ถ้าเมื่อไหร่การยืมเพื่อนไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินจะทำให้องค์กรตรวจสอบทุกทุจริตล้มสลายจริงๆ เพราะองค์กรตรวจสอบได้ตีความอย่างไร้เดียงสามาก และการออกมาส่งสัญญาณนี้จะบอก กับป.ป.ช.ว่าอย่าทำไร้เดียงสากับเครื่องมือที่ดีที่สุดของประเทศ ที่ออกแบบไว้ในรัฐธรรมนูญปี 40 ที่เราเริ่มมีองค์กรอิสระ เพราะเราไม่เคยจัดการกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับข้าราชการระดับสูงได้ เมื่อกติกานี้ออกมาจึงไม่เข้าใจป.ป.ช.จะทำให้มาตรฐานนี้ต่ำลงไปเพื่ออะไร คำนี้ของป.ป.ช.ช่างไร้เดียงสาและประเทศนี้ไม่จำเป็นต้องมีป.ป.ช.เพราะการมีป.ป.ช.ต้องใช้เงินมหาศาล ใช้ความหวังอันมากมายของคนไทยที่จะถ่วงดุลอำนาจที่เราไม่สามารถจะจัดการได้ ดังนั้นไม่ต้องใช้ป.ป.ช.หากใช้มาตรฐานยืมเพื่อนไม่จำเป็นต้องแจงบัญชีทรัพย์สิน