นักธุรกิจสาวแฉฯแหลก 'บิ๊กดีเอสไอ' บังคับข่มขืนถ่ายรูปแบล็คเมล์

นักธุรกิจสาวแฉฯแหลก 'บิ๊กดีเอสไอ' บังคับข่มขืนถ่ายรูปแบล็คเมล์

นักธุรกิจสาวอสังหาฯ แจ้งกองปราบดำเนินคดี "บิ๊กดีเอสไอ" บังคับข่มขืนแบล็คเมล์แพร่คลิปลงโซเชี่ยล สุดแสบให้เมียฟ้องฐานเป็นชู้กับสามี เรียกค่าเสียหาย 2 ล้าน

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 15 ก.พ. 61 ที่กองปราบปราม นายเอ อายุ 48 ปี ได้พา น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 38 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลานสาว พร้อมทนายความเดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.สมเดช สาระบรรณ์ สว.กก.1 บก.ป.เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณีถูกเจ้าหน้าที่ระดับ ซี 9 สังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ข่มขืนกระทำชำเรา พร้อมทั้งข่มขู่จะนำภาพลับไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย

นายเอ กล่าวว่า เมื่อปี 2559 เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ได้ขอมาเป็นเพื่อนกับหลานสาวทางเฟซบุ๊ก หลานสาวจึงรับเป็นเพื่อน เพราะเห็นว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับญาติคนหนึ่ง ต่อมาเขาพยายามตีสนิทกับหลานสาว และแสร้งว่าตนเองเป็นคนธรรมะธรรมโม เพราะเห็นว่าหลานสาวชอบทำบุญเข้าวัดเข้าวา ต่อมาหลานสาวได้โพสต์ในเฟซบุ๊กชวนเพื่อนๆ ที่สนิทไปร่วมทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง 10 กว่าคน ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ได้มาขอเดินทางไปร่วมทำบุญด้วย โดยนัดหมายกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวบางละมุง จ.ชลบุรี เวลาบ่ายโมงครึ่ง เมื่อถึงวันดังกล่าวปรากฏว่า ข้าราชการคนดังกล่าว ได้ขับรถยนต์มาถึงที่นัดหมายตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า พร้อมทั้งนำพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 5 ขนาดใหญ่มามอบให้หลานสาวเป็นของขวัญ ก่อนออกอุบายจะนำพระบรมฉายาลักษณ์ไปเก็บที่คอนโดของหลานสาว ซึ่งอยู่ในละแวกดังกล่าว

นายเอ กล่าวด้วยว่า ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะเป็นถึงข้าราชการระดับสูง อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทกับญาติ หลานสาวจึงหลงเชื่อใจยอมให้นำภาพไปเก็บในคอนโด แต่เมื่อเข้าไปในห้องหลานสาว เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว กลับใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืน โดยขู่ว่ามีปืนอยู่ด้วย ระหว่างข่มขืนก็ได้ถ่ายคลิปเอาไว้ หลังจากถูกข่มขืนหลานสาวก็ป่วยเป็นเวลา 3 วัน เพราะร่างกายและจิตใจบอบช้ำ ต่อมาเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ได้โทรศัพท์มาข่มขู่เรียกเงินและขอมีเพศสัมพันธ์อีก หากไม่ยอมจะนำคลิปไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย และจะส่งให้ญาติๆ ของหลานสาวดู นอกจากนี้ ทราบมาว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ยังให้ภรรยาของตัวเองฟ้องร้องหลานสาว ว่าเป็นชู้กับสามีโดยเรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท

นายเอ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องหลานสาวตนเกิดอาการเครียดมาก จึงหนีไปสงบสติอารมณ์ที่ต่างประเทศ แต่ก็ยังถูกเขาแฮ็กเบอร์โทรศัพท์ เฟซบุ๊กและอีเมล์มาเยาะเย้ยเรื่องคลิปอยู่ตลอดเวลา กระทั่งหลานสาวทนไม่ไหว จึงนำเรื่องเข้าร้องเรียนกับ ดีเอสไอ. ต้นสังกัด จนมีการตั้งกรรมการสอบสวน ต่อมาเรื่องก็เงียบหายไป มาทราบภายหลังว่า คณะกรรมการของดีเอสไอสรุปผลสอบว่าเป็นความผิดเล็กน้อย มีบทลงโทษเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว แค่ตัดเงินเดือน เดือนละ 1 พันกว่าบาทเท่านั้น

"ผมเห็นว่าคำตัดสินดังกล่าวไม่เป็นธรรมกับหลานสาว จึงให้ทนายฟ้องศาลจังหวัดพัทยากับเขาในคดีข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าการดำเนินการของศาล จากนั้นได้เข้าร้องเรียนตำรวจกองปราบปราม เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับหลานสาวอีกด้วย"

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ น.ส.บี ผู้เสียหายไว้ ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป