ราคาน้ำมันดิบปิดร่วง

ราคาน้ำมันดิบปิดร่วง

ขณะไออีเอชี้การผลิตน้ำมันของสหรัฐส่งผลโอเปกเปลี่ยนแปลงนโยบาย

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันอังคาร (13ก.พ.)ตามเวลาท้องถิ่น  ปรับตัวร่วงลง หลังสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ออกรายงานระบุว่า การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของสหรัฐ จะทำให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ในไม่ช้า

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนมี.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 10 เซนต์ ปิดตลาดที่ราคา 59.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 13 เซนต์ ปิดตลาดที่ 62.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้  ไออีเอ ระบุว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐมีการขยายตัวอย่างมาก จนทำให้การผลิตน้ำมันในปีนี้อาจเทียบเท่ากับการขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก จึงเป็นเรื่องน่าคิดสำหรับประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ ซึ่งกำลังปรับลดกำลังการผลิต และเผชิญกับการท้าทายจากการที่ถูกแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด

ในเดือนพ.ย.2557 กลุ่มโอเปกใช้นโยบายเพิ่มกำลังการผลิต และกดดันราคาน้ำมันให้ลดลงอย่างมาก โดยหวังชิงส่วนแบ่งในตลาด และเพื่อทำให้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐประสบภาวะขาดทุนจนไม่สามารถทำการผลิตต่อไปได้ เนื่องจากมีต้นทุนสูงกว่าการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก ก็ได้ส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินของโอเปกเอง จนทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตในเวลาต่อมา โดยที่ประชุมโอเปกและประเทศนอกโอเปก เช่น รัสเซีย เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิต และต่อมามีการขยายเวลาปรับลดการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ก็ได้ดึงดูดให้ผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตเช่นกัน

ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันมากกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2513

ส่วนไออีเอ ระบุว่า สหรัฐมีแนวโน้มครองอันดับประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลกในปีนี้ โดยแซงหน้ารัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลกในขณะนี้ ขณะที่สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันเทียบเท่ากับซาอุดิอาระเบียแล้ว