แฉ 'ยิ่งลักษณ์' จ่อบินเข้าญี่ปุ่น ชี้แผนการล้มหวังชิงคะแนนเลือกตั้ง

แฉ 'ยิ่งลักษณ์' จ่อบินเข้าญี่ปุ่น ชี้แผนการล้มหวังชิงคะแนนเลือกตั้ง

รองประธานกมธ.ต่างประเทศ แฉ "ยิ่งลักษณ์" จ่อบินเข้าญี่ปุ่น ชี้แผนการล้มหวังชิงคะแนนเลือกตั้ง เผยเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามตัวเข้าชี้แจง

นายสมชาย แสวงการ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ​ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ว่าในวันที่ 14 ก.พ.​ ทางกมธ.ฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการติตามตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฐานะผู้ต้องหาหนีคำพิพากษาของศาลฎีกากรณีละเว้นการควบคุมดูแลโครงการรับจำนำข้าวจนสร้างความเสียหาย เข้ารายงานความคืบหน้าและชี้แจงต่อประเด็นที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้เชิญหน่วยงาน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) , อัยการสูงสุด, เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าชี้แจงและตามความคืบหน้า ซึ่งครั้งก่อนนั้นทราบว่าทางหน่วยงานยังไม่มีการติตตามหรือทำขั้นตอนในกระบวนการขอส่งตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปยังประเทศต่างๆ เพื่อให้กลับมารับโทษตามคำพิพากษาในประเทศไทย

นายสมชาย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เกิดขึ้นล่าสุดว่า เป็นความพยายามที่จะใช้กระบวนการโลกล้อมประเทศไทยและส่งสัญญาไปยังกลุ่มมวลชนที่เคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ทำในนามกลุ่มคนต้องการเลือกตั้งให้เคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวายในช่วงขาลงของรัฐบาล คสช. โดยจากการปรากฎตัวล่าสุดตามภาพที่มีข่าวนำเสนอ คือ ตลาดที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีนนั้น ล่าสุดได้รับคำยืนยันจากแหล่งข่าวด้านการทูตของประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พำนักที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และมีความพยายามขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่น และนักการเมืองกลุ่มต่างๆ ภายในประเทศ ที่เคยมีความสัมพันธ์ทางด้านธุรกิจ และจากนั้นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือต้นเดือนมีนาคม นี้จะเดินทางไปที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง พร้อมกับให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เพื่อให้รายกับรัฐบาลไทยรวมถึงกระบวนการยุติธรรมไทย โดยมีคำสำคัญคือ ตนเองถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองผ่านตุลาการของไทย และรัฐบาลคณะปฏิวัติ ซึ่งการข่าวระบุว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเคลื่อนไหวในฮ่องกงด้วย

"ผมไม่ทราบว่า คุณยิ่งลักษณ์จะอยู่ที่ญี่ปุ่นถึงวันไหน เพราะเขาเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัว แต่ผมได้พูดคุยส่วนตัวกับนักการทูตญี่ปุ่น เพื่อย้ำถึงความไม่สบายใจของทางการไทย ซึ่งเขายอมรับเช่นกันว่าไม่สบายใจ แต่คุณยิ่งลักษณ์เดินทางเข้าประเทศฐานะนักท่องเที่ยว โดยไม่แน่ชัดว่าใช้พาสปอร์ตของประเทศกัมพูชา หรือ ประเทศมอนเตเนโกร ขณะที่ทางการไทยไม่ส่งหมายจับไปยังทางการญี่ปุ่น ทำให้ทางการญี่ปุ่นไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือหน่วยงานไทยต้องเร่งรัด ขณะเดียวกัน รัฐบาล คสช. ต้องแสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังเรื่องดังกล่าวด้วย" นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวเสนอแนะด้วยว่า รัฐบาล คสช. ควรสั่งการหรือแสดงท่าทีที่ชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเร่งรัดการดำเนินการอย่างจริงจัง ขณะที่ทางการต่างประเทศในส่วนรับผิดชอบของกระทรวงการต่างประเทศ​ควรเชิญนักการทูต หรือทูตของประเทศกัมพูชา, ประเทศจีน, ประเทศญี่ปุ่น และทางการจีนที่ดูแลฮ่องกง เข้าพูดคุยและย้ำถึงความไม่สบายใจของรัฐบาลไทยที่มีความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ ภายในประเทศต่างๆ ซึ่งวิธีการดังกล่าวแม้จะไม่เป็นมาตรการเพื่อจับกุมตัวอดีตนายกฯ​มารับโทษตามคำพิพากษา แต่อย่างน้อยคือการจำกัดพื้นที่เคลื่อนไหว และการลดผลกระทบหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นภายในประเทศไทย

นายสมชาย ยังให้ข้อมูลด้วยว่า สำหรับการเดินทางหลับหนีของน.ส.ยิ่งลักษณ์​ก่อนวันพิพากษานั้น มีลักษณะเตรียมการ กล่าวคือ ก่อนถึงวันพิพากษา 2 วัน มีคนพาน.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนี ไปยังประเทศกัมพูชา ผ่านเส้นทางทางบก จากนั้นได้เดินทางไปยังเมืองเสียมเรียบ เพื่อรอเครื่องบินส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ​ฐานะพี่ชาย ที่บินมาจากประเทศสิงคโปร์ มารับตัวเวลาประมาณเที่ยงคืน จากนั้นได้บินไปยังเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ โดยใช้พาสปอร์ตประเทศกัมพูชา จากนั้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2560 บินเข้าประเทศอังกฤษ โดยใช้พาสปอร์ตคนไทยเล่มสีน้ำตาล และพำนักที่ประเทศอังกฤษ ที่กรุงลอนดอน ประมาณ 4 เดือน ซึ่งไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า จะทำเรื่องขอลี้ภัยหรือทำเรื่องขอวีซ่านักธุรกิจ แต่เมื่อเกิดเหตุที่มีมีผู้ถ่ายภาพและเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องเคลื่อนไหวและออกเดินทางจนล่าสุด เดินทางไปที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยส่วนตัวมองว่าเป็นความพยายามใช้ต่างชาติกดดันประเทศไทย ขณะเดียวกันคือการส่งสัญญาณให้มวลชนเดินหน้าล้มรัฐบาลคสช. ช่วงขาลง เพื่อชิงกระแสตีกลับในการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง