"เอ็นทีโอนอก"แห่จีบคนไทยเที่ยวสงกรานต์

"เอ็นทีโอนอก"แห่จีบคนไทยเที่ยวสงกรานต์

การท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยที่คนไทยให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพเศรษฐกิจใด สะท้อนผ่านการจัดงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลกที่ผ่านมา ด้วยกำลังซื้อจำนวนมากทำให้องค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยว (เอ็นทีโอ) ประเทศต่างๆ ถือโอกาสใช้เวทีดึงดูดตลาดเอาท์บาวด์

อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ อุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กล่าวว่า ปีนี้มีเอ็นทีโอประเทศต่างๆ เข้าร่วมกว่า 23 ประเทศ โดยรายใหญ่สุดยังคงเป็น "ญี่ปุ่น" ที่มากันในรูปแบบจังหวัดต่างๆ กว่า 104 บูธ รวมถึงประเทศในกลุ่มเอเชียเหนือ เช่น จีน เกาหลีใต้ รวมถึงไต้หวัน แม้เพิ่งผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมืองฮัวเหลียน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังมีความสนใจของนักท่องเที่ยวอย่างคึกคักเนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานเรื่องความสะดวกด้านการเดินทางเข้าแบบยกเว้นวีซ่า

“กระแสปีนี้คึกคักกว่าปีที่แล้วจำนวนคนเดินงานมากกว่าการจัดงานทั้ง 2 ครั้งในปี 2560 คาดว่ายอดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท หรือเติบโต 10% โดยผู้ประกอบการนำเที่ยวต่างเก็บเกี่ยวยอดขายล่วงหน้าสำหรับช่วงสงกรานต์ไปได้จำนวนมาก"

โดยขณะนี้ยอดขายช่วงเทศกาลดังกล่าวสูง 50-60% ถือว่าการจองมาเร็วกว่าปีที่แล้วที่เริ่มเข้ามากลางถึงปลายเดือน มี.ค. แต่ปีนี้เริ่มเห็นการสอบถามพร้อมจองมาตั้งแต่ธ.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ญี่ปุ่น ยังเป็นจุดหมายที่คนไทยสนใจอันดับหนึ่งในการจองผ่านงานครั้งนี้ ทำให้คาดการณ์ตลอดปีนี้ญี่ปุ่นจะคว้าตลาดเอาท์บาวด์ไทยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ส่วนอันดับรองลงมา ได้แก่ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง จีน คาดว่าจะมีคนไทยไปเยือนประเทศละไม่ต่ำกว่า 3-5 แสนคน หรืออยู่ในระดับไม่น้อยกว่าปีก่อน

โดยเฉพาะ "ไต้หวัน"  แม้ว่าการต่อมาตรการยกเว้นวีซ่าให้คนไทยยังพิจารณาแบบปีต่อปีและจะหมดอายุอีกครั้งในเดือน ส.ค. นี้ แต่เชื่อว่าเมื่อใกล้เวลาน่าจะได้รับการต่ออายุออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปีเนื่องจากที่ผ่านมาคนไทยให้ความนิยมเดินทางไปไต้หวันเพิ่มขึ้น

ทั้งหมดถือเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้เห็นสัญญาณตลาดเอาท์บาวด์ปีนี้อยู่ในแนวโน้มที่น่าพึงพอใจ

เช่นเดียวกับตลาดฝั่งอินบาวด์ (ขาเข้า) ซึ่งใกล้เทศกาลตรุษจีนประเมินปีนี้น่าจะมีการเดินทางจากต่างชาติไม่ต่ำกว่า 9 แสนคน มียอดการเติบโตกว่า 20% ในไตรมาสแรก ถือเป็นโอกาสทองของธุรกิจท่องเที่ยวในภาพรวม

นอกจากเอ็นทีโอจากตลาดเอเชียเหนือที่ให้ความสนใจมาเปิดตลาดในไทย ปีนี้ประเทศในกลุ่มอาเซียนอย่าง"มาเลเซีย"ที่เผชิญความผันผวนทางเศรษฐกิจยังถือโอกาสใช้ท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือผลักดันเม็ดเงินเข้าประเทศด้วยการเข้าร่วมงานทีไอทีเอฟและนำเสนอแนวคิด "ปีนี้ ปีนัง" จับมือพันธมิตรส่งเสริมการขายตั้งเป้านำคนไทยไปเยือน1.9ล้านคนด้วยการชูจุดขายปีนังที่มีระยะทางใกล้กับไทย

สถิติคนไทยไปเยือนมาเลเซียเดือน ม.ค.-ต.ค. 2560 จำนวน 1.53 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.2% โดยไทยเป็น 1 ในกลุ่มอาเซียนที่ยังไปเยือนมาเลเซียเพิ่มขึ้น ท่ามกลางอัตราติดลบของอีกหลายประเทศ อาทิอินโดนีเซีย ลดลง 5.9% สิงคโปร์ ลดลง 6.6% เมียนมา ต่ำลง 12.6% ฟิลิปปินส์ หดตัว  12.6% และกัมพูชา ถดถอยลงกว่า 32.8% ขณะที่ยอดรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดอยู่ที่ 22 ล้านคน

แม้จะเผชิญความท้าทายระยะสั้นแต่มาเลเซียเร่งวางกลยุทธ์แก้เกมระยะยาวด้วยการเตรียมเปิดแคมเปญ “Visit Malaysia Year (VMY) 2020” ซึ่งมาพร้อมเป้าหมายนักท่องเที่ยว 36 ล้านคน และต้องการให้ท่องเที่ยวขับเคลื่อนเม็ดเงินกว่า 1.68 แสนล้านริงกิตมาเลเซีย หรือราว 1.35 ล้านล้านบาท และจะดำเนินการควบคู่กับแผนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หรือ National Eco-Tourism Plan ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2559 ไปจนถึงปี 2568

ดาตุ๊ก ซรี เมอร์ซา มูฮัมหมัด ไตยับ อธิบดีการท่องเที่ยวมาเลเซียกล่าวว่ามาเลเซีย มีแผนการเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ต่อเนื่องเช่น Desaru Coast Malaysia  เดือน มิ.ย.นี้ ในรูปแบบสวนน้ำขนาดใหญ่และแหล่งรวมโรงแรมหรู 3 แบรนด์ ได้แก่ เวสทิน ฮาร์ดร็อก และอนันตรา รวมถึงศูนย์การค้าและศูนย์ประชุมรับตลาดไมซ์ ตามด้วย 20th Century Fox World Malaysia ที่เกนติ้ง ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง

ยังมีโรงแรมแบรนด์ระดับโลกที่เตรียมเปิดให้บริการในปี 2560-2561 อาทิ โฟร์ซีซันส์ กัวลาลัมเปอร์, เมอเวนพิค รีสอร์ทแอนด์สปา ที่ตรังกรานู, ดับเบิลยูโฮเทลส์ และดับเบิลทรีบายฮิลตัน  ซึ่งจะช่วยเสริมตลาดท่องเที่ยวต่างชาติเตรียมรองรับการเป็นเจ้าภาพงาน “เวิลด์ทัวริสซึ่มคอนเฟอเรนซ์” ครั้งที่ 5 ขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดับเบิลยูทีโอ) ในกูชิงรัฐซาราวัก

ขณะที่ไทยมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวอาเซียนราว 25% แต่มาเลเซียมีส่วนแบ่งการตลาดอาเซียนถึง 74.9%