'โรงนาบ้านไร่' สุขสบายสไตล์ชาวนา

            “มานอนที่โรงนาสิ”

            คำเชิญชวนจากชาวสวรรคโลกคนหนึ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่า จะต้องไปนอนกอดวัวกอดควาย หรือต้องไปนอนบนกองฟางกองฟอนหรือเปล่า…?

            นี่ไม่ใช่มุกตลก แต่คือความคิดแบบนั้นจริงๆ เพราะคำว่า ‘โรงนา’ ก็ชัดเจนในคาแรกเตอร์อยู่แล้ว

            ทว่าโรงนาแบบฉบับ โรงนาบ้านไร่ กลับกลายเป็นความประทับใจที่ไม่ต้องลำบากลำบน เพียงแค่กิน นอน พักผ่อน อย่างเรียบง่าย แบบชาวนาผู้มีสไตล์เท่านั้นเอง

            จากตัวเมืองสวรรคโลกที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนและร้านค้า ไปจนถึงสถานที่ราชการ เพียงข้ามแม่น้ำยมไปอีกฝั่ง ก็จะเจอพื้นที่เกษตรกรรม ยามหน้านาก็จะเขียวขจีด้วยต้นข้าวชูยอดทอดใบ เป็นดินแดนที่อยู่คู่ขนานกับตัวเมืองอย่างไม่ประดักประเดิด ที่นี่เองคือที่ตั้งของ ‘โรงนาบ้านไร่’ สำนักพิมพ์กลางท้องนา และอาร์ตฟาร์มสุดเก๋ ซึ่งมีอีกบทบาทหนึ่งคือ ที่พักแบบฟาร์มสเตย์

            นกกวี - สัญญา พานิชยเวช เจ้าของที่นี่เล่าถึงฉากเริ่มของโรงนาบ้านไร่ให้ฟังว่า เกิดขึ้นจากความคิดแตกแขนงไปเรื่อยๆ ว่าจากการที่เขาทำบ้านให้กลายเป็นสำนักพิมพ์ มีเพื่อนพ้องและผู้คนแวะเวียนมาบ่อย แต่เมื่อพลบค่ำก็ต้องเดินทางไปเช่าที่อื่นนอน เขาจึงแบ่งสรรพื้นที่และสร้างให้กลายเป็นห้องพักแบบง่ายแต่เท่

            แม้แต่เรื่องแขกเหรื่อมาเยี่ยมเยือนแล้วไม่มีอะไรกิน จะกินแต่ละทีต้องพากันออกไปกินข้างนอก ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เขาต้องจัดการที่นี่ให้ครบจบในที่เดียว เสมือนได้อยู่บ้าน มีข้าวปลาอาหาร มีที่หลับที่นอน ซึ่งก็ตอบโจทย์กับการเป็นครูของนกกวี คือ เป็นคนค่าย จัดค่ายอบรมต่างๆ ตั้งแต่เรื่องการเขียนหนังสือ หรือเรียนรู้วิถีชีวิตแบบชาวนา

            “ตอนแรกมีคนมาขอให้ทำค่ายที่นี่ พาเด็กๆ มาสิบคน มาเรียนรู้ชีวิตที่นี่ ผมก็ไม่ได้คิดเงินอะไรเพราะเป็นเด็กของมูลนิธิต่างๆ แต่พอทำไปมันค่อนข้างเหนื่อย ก็เลยตัดสินใจทดลองจัดเป็นแบบนี้ มื้อเย็นทำเป็นขันโตก มีที่นอนหนึ่งคืน มีอาหารเช้าง่ายๆ เช่น ข้าวต้ม ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ก็คิดราคา 550 บาทต่อคืนต่อคน ไม่ได้แพง แต่ก็ไม่ได้ถูกนะ แต่ถ้าให้เราขายห้องละ 500 บาท เราไม่ต้องทำดีกว่า เราอยู่เฉยๆ ดีกว่า มันน้อยเกินไปกับการต้องดูแล เรื่องทรัพยากร และเรื่องความปลอดภัย”

            เรียกว่าทำแบบตอบโจทย์ในใจอย่างแท้จริง เพราะเหตุผลของเขาช่วยคัดสรรคนที่เข้ามาได้ในระดับหนึ่ง เพราะถ้าประสงค์จะมาพัก มีวิธีการเดียวคือโทรตรงเข้ามาจอง แน่นอนว่าส่วนมากคือคนที่ตั้งใจมาจริงๆ บวกกับคนที่รู้จักมักจี่กันอยู่บ้างแล้ว ความเรียบง่ายเหมือนมาหาเพื่อนจึงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนไม่เคอะเขิน ห้องที่สร้างไว้ 4 ห้อง มีบ่อน้ำอยู่ข้างหน้า อาจไม่ได้มีจุดเด่นเป็นความหรูหรา แต่การที่แขกจะทำอะไรก็ได้ อยากนอนตรงไหน มุมไหน นั่งเล่น อ่านหนังสือ ฯลฯ คือสิ่งที่หลายคนโหยหาเพราะขาดแคลนจากเมืองใหญ่

            ความเป็นกันเองไม่หมดลงง่ายๆ เพราะทุกอย่างคุณเป็นคนเลือกเองได้ เช่น มื้อเย็นอยากกินอาหารประเภทปิ้งๆ ย่างๆ หรือต้องการประกอบอาหารเอง ที่นี่มีอุปกรณ์เครื่องครัวให้ใช้ หรือถ้าอยากร่วมวงกินข้าวกับเจ้าของบ้านก็ได้เช่นกัน ซึ่งเมนูก็แสนจะบ้านๆ แบบชาวนาขนานแท้ เช่น แกงสับนก แกงนอกหม้อ ผัดผัก น้ำพริก ที่ไม่ได้แพงด้วยมูลค่า แต่อุดมด้วยคุณค่าทางสารอาหารและทางจิตใจ กินข้าวเย็นไปฟังเสียงเขียดเสียงกบร้องดังกันขรม เหมือนมีวงดนตรีประสานเสียงที่ไม่เผยกายมาขับขานให้ฟัง เพิ่มรสชาติของอาหารธรรมดาให้อร่อยเป็นพิเศษ

            ยามเช้าในอุดมคติของนักท่องเที่ยวหลายคนคือการได้ตื่นมาตักบาตรพระที่มาบิณฑบาตรถึงหน้าบ้าน แต่ต้องบอกก่อนว่าที่นี่ไม่ประดิษฐ์โดยการนิมนต์หลวงพ่อให้เดินต่อมาถึงหน้าบ้านเพื่อการนี้ แต่เส้นทางบิณฑบาตรปกติของพระท่านคือผ่านแค่ปากทาง ใครใคร่ตักบาตรเพียงแค่เดินไปหน่อยที่ปากทางก็จะได้ตักบาตรสมใจ ได้บรรยากาศมีท้องนาเป็นฉากหลังด้วย หรือที่ตลาดเช้าในตัวเมืองสวรรคโลกก็ไม่ไกลกันนัก หากแจ้งความจำนง เจ้าของบ้านยินดีพาข้ามแม่น้ำไปเดินตลาดแถมได้ตักบาตร เพราะที่นั่นมีพระหลายรูปรอรับบาตร

            เป็นโรงนาทั้งทีต้องให้ถึงแก่นชาวนา นอกจากมีนาข้าวแล้วยังต้องหาปูหาปลาได้ด้วย ใครอยากลองนั่งตกปลาเพื่อมาทำกินเอง ที่นี่ก็พร้อมทั้งปลาธรรมชาติที่มาพร้อมกับน้ำท่วมปี 2554 เติบโตให้คนที่นี่ได้จับกินตามสมควร และเบ็ดแบบง่ายๆ ทำจากวัสดุธรรมชาติ

            แม้จะเป็นที่พักแบบบ้านๆ แต่ไม่ทิ้งความเก๋ เท่ สมกับมีเจ้าของเป็นศิลปิน นกกวีนอกจากเป็นนักเขียนและทำงานด้านหนังสือหนังหาแล้ว ยังทำงานศิลปะหลายแขนง ทั้งวาดภาพ ถ่ายภาพ งานปั้น สารพัด รูปร่างหน้าตาของโรงนาที่ทำให้เมื่อคนหลุดเข้ามาถึงที่นี่แล้วต้องร้องว้าวในความเก๋ไก๋ตัดกับความเป็นท้องทุ่งได้อย่างโดดเด่นแต่เข้ากันดี มาจากฝีมือการออกแบบของเขาทั้งสิ้น ส่วนการลงมือทำก็มาจากเรี่ยวแรงของคนในครอบครัวทั้งสิ้น

            ห้องพักทั้ง 4 ห้องไม่มีเครื่องปรับอากาศ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสูดอากาศจากธรรมชาติให้ชื่นปอด และรับไอเย็นจากท้องทุ่งให้ชื่นใจ โดยไม่ต้องผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วยสร้างลมเย็นแต่ประการใด หากใครกังวลว่าจะร้อนอบอ้าวจนนอนไม่หลับ บอกได้เลยว่าการถ่ายเทอากาศค่อนข้างดี จนบางทีอากาศเย็นยามค่ำคืนแห่งชนบทอาจจะหนาวจับใจจนเกินคาด

          ไม่แน่ว่าที่คิดว่านอนโรงนาแล้วต้องนอนกอดวัวกอดควาย ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดียามต้องลมหนาวกลางนา

...

ที่ตั้ง : ฝั่งตรงข้ามแม่ยมกับตัวเมืองสวรรคโลก

จุดเด่น : บรรยากาศท้องทุ่งนา เป็นกันเอง สบายเหมือนได้พักผ่อนที่บ้านในชนบท มีกิจกรรมมากมาย

ราคา : คนละ 550 บาท ต่อคืน

ติดต่อ : โทร.09 1383 9556 หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ โรงนาบ้านไร่