ตำรวจไทยจับมือมาเลเซีย ช่วยเหยื่อถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ

ตำรวจไทยจับมือมาเลเซีย ช่วยเหยื่อถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ

ตำรวจไทยจับมือมาเลเซีย ช่วยเหยื่อถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่งกลับประเทศ

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 9 ก.พ.61 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม. และพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ร่วมกันแถลงผลการประสานงานความร่วมมือกับสถานทูตมาเลเซีย ช่วยเหลือเหยื่อชาวมาเลเซีย จากแก็งคอลเซ็นเตอร์ เดินทางกลับประเทศ โดยมีMr.Ridzuan Abdul Aziz ดำรงตำแหน่ง First Secretary Embassy Of Malaysia เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากตามนโยบายของรัฐบาลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรือ กลุ่มแก๊ง Call Center มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนทั่วไปโดยโทรศัพท์จากต่างประเทศ มาหลอกลวงประชาชนในประเทศไทย และมีผู้หลงเชื่อจนเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงได้มีคำสั่งให้จัดตั้ง“ศูนย์ป้องกัน และปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศป.ฉปทน.)” โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็น ผอ.ศูนย์ฯ และให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.ควบคุม กำกับชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ ดำเนินการปราบปราม ทลายเครือข่ายแก๊ง Call Center ข้ามชาติ อย่างจริงจังต่อเนื่องมาโดยตลอด

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ชุดปฏิบัติการของ ศป.ฉปทน.ตร. ได้ทำการสืบสวนขยายผลไปช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อ จากกลุ่มคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวไต้หวัน และมาเลเซีย โดยถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว และถูกใช้กำลังประทุษร้ายบังคับให้ทำงานอยู่ในคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยสามารถช่วยเหลือชาวไทย 2 ราย คือนายเก ศูนย์กลาง อายุ 39 ปี และนายอรรถกฤษ หล้าเชียงของ อายุ 23 ปี

โดยทำการจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิด ได้ 5 คน เป็นชาวไต้หวัน 3 คน และชาวมาเลเซีย 2 คน ขณะนี้เหยื่อชาวไทยทั้ง 2 คน อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย และทางการมาเลเซียต้องการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งตัวเหยื่อชาวมาเลเซีย ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวใต้หวัน หลอกลวงให้มาทำงานในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.60 พื้นที่ สภ.บางแก้ว จว.สมุทรปราการ กลับประเทศมาเลเซียโดยด่วนต่อไป

ทั้งนี้วันนี้ (9 ก.พ.) ทางพล.ต.ท.สุทธิพงษ์ พล.ต.ต.อิทธิพล และพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูตมาเลเซีย จึงได้ร่วมกันส่งตัวเหยื่อดังกล่าว จำนวน 1 คน คือ Miss Loo Jing Ru สัญชาติ มาเลเซีย กลับประเทศมาเลเซีย โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจของ ศป.ฉปทน. ร่วมเดินทางเพื่อช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกในการเดินทางในครั้งนี้ด้วยแล้ว

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางการประเทศมาเลเซีย ได้ประสานมาทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวให้ช่วยติดตามเหยื่อขบวนการดังกล่าว กลับสู่ประเทศบ้านเกิด โดยทาง สตม.ได้ร่วมมือกันประสานข้อมูลกระทั่บสามารถติดตามช่วยเหลือเหยื่อไว้ได้สำเร็จ

ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. หลังจากที่ทางตำรวจ บช.ทท.ได้เดินทางไปร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเทศมาเลเซีย จับกุมผู้ต้องหาแก็งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อ 2 สัปดาห์ ที่ผ่าน โดยสามารถับกุมได้ทั้งหมด 5 ราย ชาวไต้หวัน 4 ราย ชาวมาเลเซีย อีก 1 ราย ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ขอความร่วมมือให้ช่วยเหลือเหยื่อชาวมาเลเซีย ที่ถูกหลอกลวงมา ในเรื่องของค้ามนุษย์ก็ตาม หรือถูกหลอกลวงมาทำคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศไทย ซึ่งทางตำรวจไทยได้สามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการ ตลอดจนสามารถช่วยเหลือเหยื่อไว้ได้ แล้ว 3 ราย พร้อมทั้งทำการช่วยเหลือเหยื่อส่งคืนประเทศบ้านเกิด และนำผู้ต้อง อีก 3 ราย ดำเนินคดีตามกฎหมายผู้ที่กระทำความผิดในประเทศมาเลเซียอีกด้วย โดยจะนำส่งอัยการเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายในสัปดาห์หน้า ก่อนจะส่งตัวกลับตามไปอีกครั้ง โดยในวันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จ สามารถช่วยเหลือเหยื่อผู้เสียหาย ที่ชื่อ Miss Loo Jing Ru สัญชาติ มาเลเซีย โดยมีทาง Mr.Ridzuan มารับตัวด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถต่อยอดความร่วมมือในการทำงานครั้งต่อไปได้

“สำหรับคดีแก็งคอลเซ็นเตอร์ ทาง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้รับคดีดังกล่าวอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะได้สามารถติดตามเงินที่สูญเสียไปให้ได้ ซึ่งเราได้รับคดีมาแล้วทั้งหมด 323 คดี ที่มีเหยื่อมาแจ้งไว้ มีความเสียหาย 171 ล้านบาท ส่วนประเทศมาเลเซีย มีความเสียหายเป็นจำนวนเงินพันกว่าล้าน โดยมาตราการที่ตำรวจไทยทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นความห่วงใยของท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้มีการกวาดล้าง ขบวนการโรเมน สแกม ขบวนการโอเวอร์สเตย์ คนผิวสี ซึ่งจะมีทาง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นเจ้าภาพหลัก และมี บช.ทท.เป็นหน่วยงานเสริม เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน ซึ่งเรายังต้องทำงานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติหมดไป หลังจากนี้ทางสำนักงานตำรวจ ประเทศมาเลซ๊ยขอความร่วมมือให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไทย มีการประชุมความร่วมมืออย่างน้อย ปีละ 2 ครั้งอีกด้วย” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว

ส่วนในคดีนี้ ผู้เสียหาย Miss Loo Jing Ru เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา นั้น ถูกหลอกให้มาทำงานร้านอาหารในประเทศไทย เมื่อเหยื่อหลงเชื่อเข้ามายังประเทศไทย ก็ทำการกักตัวไว้ และบังคับให้ร่วมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ นอกจากนี้มีเหยื่อชาวมาเลเซียบางรายที่ทางตำรวจได้เคยช่วยเหลือมาแล้วนั้น ถึงขั้นถูกข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย บังคับให้ฝึกพูด ร่วมขบวนการนี้ หากไม่เชื่อฟังก็จะถูกทำร้าย แต่รายล่าสุดนี้ถือว่าโชคดียังไม่ไปถึงขั้นนั้น ซึ่งขบวนการนี้ต้องการใช้บุคคลที่สามารถใช้ภาษามาเลเซียได้ เพื่อไปหลอกเหยื่อชาวมาเลเซีย โดยใช้วิธีการหว่านล้อม หลอกล่อเหยื่อด้วยรายได้จากการทำงานที่มีจำนวนมาก ซึ่งเหยื่อรายนี้ไม่ได้ทำงานประกอบอาชีพใด เพียงแต่อาศัยกับสามีที่ประเทศมาเลเซีย

ขณะที่ Mr.Ridzuan กล่าวว่า ขอขอบคุณในความร่วมมือตำรวจไทย ที่ได้ร่วมมือกันปราบปรามแก็งคอลเซ็นเตอร์ จนกระทั่งมีการสามารถจับกุมผู้ต้องหา และช่วยเหลือเหยื่อชาวมาเลเซียได้ ตลอดจนมีการเร่งรัดกระบวนการทางกฎหมายให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว