ลั่นอย่ายอมให้ใครแบ่งชนชั้น สั่งใช้สมองทำงบฯอย่าดีแต่จ้องขอ6แสนล้าน

ลั่นอย่ายอมให้ใครแบ่งชนชั้น สั่งใช้สมองทำงบฯอย่าดีแต่จ้องขอ6แสนล้าน

หัวหน้า คสช. ลั่นอย่ายอมให้ใครแบ่งชนชั้น สั่งใช้สมองทำงบฯอย่าดีแต่จ้องขอ บ่นเก็บภาษีได้น้อยทำงบฯใช้จ่ายในประเทศไม่พอ หลังตั้งงบประมาณไว้ 3 แสนล้าน แต่ขอมา 6 แสนล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งเป็นการมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนให้แก่คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ

นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า การขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ จะต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ความเท่าเทียมคือการที่ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการปกป้องตามกฎหมายเท่ากัน ไม่ว่าจะยากจน อย่าให้ใครมาแบ่งชนชั้นจนรวย ระบบประชาธิปไตยต้องเป็นแบบนี้ ไม่ใช่คำนึงแต่ประชาชนตรงนั้นตรงนี้ หรือเฉพาะพื้นที่ หน้าที่ของผู้แทนราษฎรต้องเสนอแผนงานโครงการ และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ตัวเองขึ้นไป รัฐบาลจะต้องมีความเป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณ และกำหนดให้ชัดเจนว่างบประมาณฟังก์ชั่นและงบประมาณนโยบายจะลงไปอย่างไร รวมถึงงบประมาณอื่นๆ การมาของบประมาณเพิ่มในภายหลังไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะรัฐบาลจำเป็นต้องควบคุมงบประมาณรายจ่ายของประเทศ ซึ่งเราจ่ายงบประมาณแบบขาดดุล เพราะเราไม่สามารถที่จะมีงบประมาณเพียงพอกับรายจ่ายประจำ และงบลงทุน ขณะเดียวกันเราต้องการให้มีการจ้างงานเกิดขึ้น ดังนั้นจะต้องมีการประเมินการจัดเก็บภาษีที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่เงิน แต่มันเป็นแบบนี้มาตลอด หากรายได้เราเข้มแข็ง มีรายได้สูงจากเศรษฐกิจและธุรกิจใหม่ ก็จะมาทดแทนในส่วนที่ขาดดุล

"หากสามารถจัดงบประมาณเกินดุลได้ สิ่งที่ของมาทั้งหมดก็จะให้ได้ทั้งหมด อันนี้ต้องเข้าใจร่วมกัน หลายจังหวัด หลายพื้นที่ ก็ต้องการโน้นนี่ ผมอยากให้ทุกโครงการ แต่มันให้ไม่ได้เพราะงบประมาณมีจำกัด ทุกปีเวลาให้จัดสรรงบประมาณขึ้นมา ตั้งงบประมาณไว้ 3 แสนล้าน แต่ขอมา 6 แสนล้าน รวมทั้งหมด 6 แสนกว่าล้าน กว่าจะบีบให้เหลือ 3 แสนล้าน ก็ต้องไปตัดหลายโครงการ ฉะนั้นต่อไปนี้จะต้องทำงานให้สอดคล้องกัน สิ่งไหนที่เป็นงานบูรณาการจะต้องอยู่ในกล่องงบประมาณกลุ่มงานบูรณา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะเป็นกลไกของประชาธิปไตย เราจะต้องผลิตพลังคน สร้างพลังสังคม ลดการเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะปัญหาการกระจายรายได้ แต่ทุกประเทศที่เป็นเสรีประชาธิปไตยหรือทุนเสรีก็เป็นแบบนี้ คนลงทุนมามีรายได้สูง คนไม่มีทุนก็เป็นลูกจ้าง พนักงาน แรงงาน แต่ทำอย่างไรเขาจะอยู่ร่วมกันได้ จึงต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย อย่าให้ใครเขามาบิดเบือนว่าไม่ดูแลคนจน วันนี้ต้องเข้าใจระบบการจัดเก็บภาษีมีประเทศไทยมีประชากร 70 ล้านคน แต่เสียภาษีในระบบ 10 กว่าล้านคน ที่เหลือไม่เข้าระบบเพราะรายได้ไม่ถึง โดย 10 ล้านที่อยู่ในระบบก็มีเรื่องลดหย่อนภาษี เหลือประมาณ 6ล้านคน ที่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ที่จะนำมาพัฒนาประเทศอยู่ วันนี้ทำอย่างไรที่จะให้มีเงินจากการจัดเก็บภาษีมากขึ้น เพราะรัฐบาลมีรายได้จากภาษีอย่างเดียว รวมถึงภาษีจากรัฐวิสาหกิจต่างๆที่บางประเภทก็ขาดทุน เพราะเขาต้องดูรัฐสวัสดิการให้กับประชาชน แต่ไม่มีใครอยากให้แยกไปทั้งหมด รัฐบาลพยายามแก้ไขทุกอันให้เกิดขึ้นได้

"ต้องคำนึงด้วยว่าถ้าจะคิดจะขอจะจัดทำงบประมาณอะไร ต้องนึกว่ารัฐบาลจะเอาเงินมาจากไหน ไม่ใช่จะขอไปอย่างนั้น เมื่อไม่ได้ก็มาว่ารัฐบาลไม่ให้ ต้องนึกถึงด้วยว่ารัฐบาลต้องควบคุมหนี้สาธารณะ สูงสุดคือไม่เกิน 60เปอร์เซ็นต์ แต่วันนี้อยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นต้องคิดตรงนี้ไม่ใช่คิดแต่ลงทุนและกู้ไปเรื่อย หลายคนมองว่ารัฐบาลมาแบบนี้ใช้เงินสบาย มันไม่สบายหรอก ไปตรวจสอบดูได้ ไม่ได้อนุมัติอะไรง่ายๆ อะไรที่เป็นนโยบายก็ต้องถกแถลง เพื่อทำความเข้าใจ และชี้แจงในครม.ไม่ใช่ปล่อยผ่าน ก่อนนำเรื่องเข้าครม.ท่านต้องตอบคำถามกันเองให้ได้ก่อน" นายกฯ กล่าว